24 พฤษภาคม 2566 "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ "น.ต.ศิธา ทิวารี" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยสร้างไทย ออกมาโพสต์ขอโทษที่กล่าวหารับบรีฟ โดยยืนยันว่า ไม่ได้ถือโทษโกรธ แต่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในร่องในรอยในกรอบ ถ้าขอโทษก็ยินดีรับ ซึ่งในวันแถลงข่าวลงนาม MOU ตนก็บอก น.ต.ศิธา ว่า จะทำตัวเป็นสื่อ หรือจะทำตัวเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่ก็เป็นคนร่วมพิจารณาร่าง MOU อยู่ด้วย คำพูดนี้ ถือว่าแรง ทุกคนได้ยิน
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า และที่สำคัญ การไปเขียนต่อเติมเสริมแต่งว่า มีการดื่มสังสรรค์ชนแก้ว มีการพูดคุย จนไปกล่าวหาว่า ตนไปรับบรีฟ อันนี้เสียหายมาก ถ้าจะขอโทษ ต้องขอโทษตรงนี้ด้วย ยืนยันว่า ไม่ได้โกรธ แต่เราเองกำลังจะทำภารกิจสำคัญที่สุด คือ จัดตั้งรัฐบาล MOU ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายมองว่า ต้องทำ
อย่างไรก็ตาม การจับมือครั้งนี้ คือการมัดกันแน่นอยู่แล้ว ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพูดตลอดว่ายอมรับมติมหาชน การที่จะไม่จับมือกัน มันเป็นไปไม่ได้ ยินดี หากขอโทษ ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง เพราะว่า ต้องการที่จะทำให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ
"ถ้ายังมีเงื่อนงำ หรือเงื่อนไขอยู่ ผมก็ประกาศว่า ผมไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับคุณศิธา ผมพูดตรงๆว่า ผมไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ยกเว้นแกนหลักเขาบอก พรรคของคุณศิธา 6 เสียงมีความสำคัญ ผมก็ต้องมานั่งดูตัวเอง ว่า ผมสำคัญหรือเปล่า" นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่ "นายประเสริฐ จันทรรวงทอง" เลขาธิการพรรค กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า ส่วนตัวแปลกใจ ทำไม น.ต.ศิธา ไม่พูดเรื่องนี้ในที่ประชุม MOU 8 พรรค ตั้งแต่ที่ประชุมกันให้ตกผลึกเสียก่อน แต่กลับมาเลือกพูดตอนที่ทุกพรรคแถลงข่าว ทั้งที่ น.ต.ศิธา ก็เป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งด้วย เพราะฉะนั้น แปลกใจมาก
เมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลให้ตำแหน่ง น.ต.ศิธา ไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตาม นพ.ชลน่านจะพิจารณาตำแหน่งของตัวเองด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่พูดเนี่ยหมายความว่า พรรคแกนนำเป็นเรื่องของพรรคแกนนำที่ต้องไปทำความเข้าใจกับพรรคร่วมอื่นๆ โดยเฉพาะกับพรรคไทยสร้างไทย ว่าพฤติกรรมแบบนี้ จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันหรือไม่ จะปรับจะแก้จะจูนหากันด้วยดีได้หรือไม่ ถ้าเขาพูดจบ ตนก็จบ แต่ถ้ายังปล่อยปละละเลยแบบนี้ ตนก็ไม่สบายใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากลงจากเวทีแถลง นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้งว่า ไม่สบายใจ ถ้าพรรคแกนนำไม่จัดการเรื่องนี้ คุณต้องไปจัดการพรรคร่วมของคุณให้อยู่ในร่องในรอย ถ้าเห็นเขาสำคัญ แล้วเห็นตนไม่สำคัญ ก็คงต้องย้อนถามกัน นี่คือสิ่งที่ตนพยายามจะสื่อสาร
เมื่อถามว่า หมายถึงจะต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเป้าหมายหลัก คือ การจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรมาเป็นประเด็น ถ้าสำนึกได้ ขอโทษก็จบ และมันเป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลที่ต้องมาเคลียร์เรื่องนี้
"ถ้ายังปล่อยให้เรื่องราวเป็นประเด็นแบบนี้ MOU ที่เราเขียนว่า ทุกพรรคต้องมีความจริงใจต่อกัน ต้องให้เกียรติกัน เขียนไว้แล้วเพิ่งลงนาม แต่เพียงชั่วข้ามคืน มันก็ไม่เกิดขึ้นแล้ว มันยากหรือไม่กับการทำงาน" นพ.ชลน่าน ระบุ
เมื่อถามว่า ก้าวไกลต้องพูดคุยเรื่องนี้ให้จบเมื่อไหร่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดเวลา ตนเป็นผู้ใหญ่พอ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร และเมื่อวานนี้ (23พ.ค.) "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ขอโทษ ก็จบแล้ว ตนไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่า น.ต.ศิธา ไปโพสต์ขยายความว่า ตนถูกบรีฟ ถูกกดดัน นั่งกินเหล้าด้วยกัน นั่งสังสรรค์กัน นี่คือสิ่งที่ตนไม่พอใจ แต่ถ้าวันนี้ เขาขอโทษมา ก็ไม่ติดใจ
“ก็สำนึกบ้างว่า เราทำอะไรไปบนพื้นฐานอะไร คือ มันไม่ได้เกิดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เราก็เลยอ่านเจตนาเขาออกว่า เขาต้องการอะไร ผมไม่ทราบว่า เขาต้องการอะไร แต่การแสดงออกแบบนั้น ทำตัวว่าเป็นผู้แทนของประชาชนมาบอกว่า ต้องการให้กำจัดเผด็จการด้วยการผูกมัดกัน มัดกันเป็นฝ่ายค้าน ผมก็บอกว่า มันเป็นเรื่องไร้สาระนะ เสียงข้างมากขนาดนี้ จะไปมัดกันเป็นฝ่ายค้านทำไม ทำไมไม่มัดกันเป็นรัฐบาลล่ะ คือคำถามมันก็ไม่ใช่แล้ว สถานะมันก็ไม่ใช่ ยอมรับจริงๆวันนั้นผมมีอารมณ์ แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ ลงมาก็เพียงแต่ชี้หน้าเขา คุณทำตัวให้ถูก คุณว่า คุณจะเป็นสื่อ หรือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เอาให้แน่ ผมตำหนิเขาเลยนะ และไปกล่าวหาว่า โดนกดดันโดนบรีฟ ผมยิ่งโกรธใหญ่เลย มันหมายถึงว่า ดูหมิ่น ด้อยค่า ทั้งตัวผม และพรรคผมด้วย เจตนามันบ่มว่า เขาทำอะไร เพื่ออะไร แต่ถ้าเขาขอโทษ ผมจบนะ ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เข็มมุ่งเราคือจัดตั้งรัฐบาล” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า น.ต.ศิธา ต้องขอโทษในรูปแบบใด นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แบบใดก็ได้ ที่แสดงให้เห็นว่าสำนึก
เมื่อถามว่า จะเป็นปมร้อนให้เพื่อไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ฝากพรรคแกนนำ อย่าให้เรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาบั่นทอนการทำงานร่วมกัน แต่ถ้าเห็น 6 เสียงมากกว่า 141 เสียง ตนก็ยอม ส่วนแนวทางก็แค่อยากให้พูดคุยกันกับ น.ต.ศิธาว่า ขอเถอะ กำลังจับมือจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่ช่วยกันได้ ก็ควรช่วยกันทำ จะไปสร้างฉากสร้างซีนอะไร ก็ไปทำทีหลัง ให้เรื่องนี้จบก่อน ตนว่า พูดแค่นี้มันน่าจะจบ
เมื่อถามว่า ถึงขั้นต้องลดบทบาท น.ต.ศิธา หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของพรรคแกนนำ แต่ตนก็จะบอกชัดเจนว่า พูดตรงนี้ให้จบนะ อย่าไปขยายความข้างนอก จะได้มีข้อตกลงชัดเจนว่าเราพูดกันแล้ว
ส่วนจะไม่ให้ น.ต.ศิธา ไม่รับตำแหน่งใดๆในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรคแกนนำ เพราะตนไม่มีอำนาจพอที่จะไปชี้เอานั่นไม่เอานั่น เพียงแต่ขอให้เกียรติกันเท่านั้นก็พอ ตนไม่ติดใจจะเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นอะไรก็เรื่องของเขา แต่ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ ทำงานร่วมกันยาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่า "ทำไมวันนี้เดือดจัง" นพ.ชลน่าน สวนกลับมาทันทีว่า "ถ้าผมต่อยได้ ผมต่อยแล้ว"