ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงข่าวและตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวและประชาชนประจำปีช่วงก่อนสิ้นปีนานกว่า 4 ชม. ในวันพฤหัสบดี (19 ธันวาคม) โดยครอบคลุมทุกแง่มุมเกี่ยวกับประเทศ ซึ่งรวมถึงสงครามในยูเครน การล่มสลายของระบอบอัสซาดในซีเรีย และว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
ผู้นำรัสเซียตอบคำถามที่ว่า เขาจะเสนออะไรเมื่อพบกับว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ว่า เขายังไม่รู้ว่าจะได้พบกันเมื่อใด เพราะทรัมป์ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ และเขาก็ไม่เคยพูดคุยกับทรัมป์ตลอด 4 ปี แต่ก็พร้อมพูดคุยด้วยทุกเวลา และพร้อมจะพบปะ หากทรัมป์ต้องการ
และเมื่อถูกถามว่า รัสเซียอยู่ในสถานะที่ด้อยกว่าสำหรับการเจรจากับสหรัฐฯ เพราะความพ่ายแพ้ในตะวันออกกลางและในสนามรบในยูเครน ปูตินบอกว่า เขาเห็นต่าง และเชื่อว่า รัสเซียแข็งแกร่งกว่าในช่วง 2-3 ปีมานี้ เพราะเป็นประเทศที่เป็นอธิปไตยอย่างแท้จริง แทบไม่ต้องพึ่งพาใคร
ส่วนคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ทหารยูเครนยึดครองพื้นที่บางส่วนในแคว้นคูสก์ของรัสเซีย หลังจากบุกสายฟ้าแลบเมื่อเดือนสิงหาคม ปูตินปฏิเสธที่จะระบุกอบเวลาว่า รัสเซียจะสามารถยึดพื้นที่คืนได้เมื่อใด นอกจากสัญญาว่าจะขับไล่ทหารยูเครนออกไป แต่เขาไม่ระบุถึงทหารเกาหลีเหนือ หลังจากยูเครนอ้างว่า มีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตจำนวนหนึ่งขณะช่วยทหารรัสเซียสู้รบในแคว้นคูสก์
เขายังปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีการหยุดยิงทันทีกับยูเครน โดยบอกว่ากองทัพกำลังรุกคืบ และศัตรูไม่สามารถรักษาที่มั่นของตัวเองได้ หากมีการหยุดยิงเวลานี้จะทำให้ยูเครนมีเวลาเสริมกำลังทหารและอาวุธ และย้ำว่า รัสเวียต้องการสันติภาพที่ยั่งยืน ไม่ใช่การหยุดยิงชั่วคราว
นอกจากนี้เขาประณามเหตุระเบิดในกรุงมอสโก ที่เป็นการลอบสังหารพลโท อิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้ากองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของกองทัพเมื่อวันอังคารว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายโดยฝีมือของยูเครน และตำหนิว่า ไม่มีเสียงประณามจากผู้สื่อข่าวของชาติตะวันตกเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น
ปูตินยังกล่าวถึงสถานการณ์ในซีเรียหลังกบฏโค่นล้มอำนาจของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดด้วยว่า เขายังไม่ได้พูดคุยกับอัสซาด ที่หนีออกจากซีเรียไปลี้ภัยในรัสเซีย โดยบอกว่า เขาไม่คิดว่า การสิ้นอำนาจของอัสซาดเป็นความพ่ายแพ้ของรัสเซียในซีเรีย และยืนยันว่า วัตถุประสงค์ของรัสเซียที่เข้าไปช่วยรัฐบาลซีเรียกำจัดผู้ก่อการร้ายในสงครามกลางเมืองประสบความสำเร็จ
เขาบอกด้วยว่า รัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกกลุ่มที่คุมสถานการณ์ในซีเรีย และทุกประเทศในภูมิภาค และส่วนใหญ่ยังคงต้องการให้รัสเซียคงฐานทัพในซีเรียต่อไป ขณะเดียวกันเขาประณามเรื่องที่อิสราเอลยึดดินแดนในเซียและเรียกร้องให้อิสราเอลถอนกำลังทหารออกไป