“สนามเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี” ถือว่าเป็นสนามเลือกตั้งที่น่าจับตามอง เพราะมีการแข่งขันกันสูงระหว่าง “กลุ่มบ้านใหญ่” ซึ่งมี “นายสนธยา คุณปลื้ม” เป็นผู้กุมบังเหียน กับกลุ่ม “บ้านใหม่” มี “นายสุชาติ ชมกลิ่น” เป็นผู้ดูแลทั้งจังหวัด ซึ่งได้แยกตัวมาจาก “กลุ่มบ้านใหญ่” เพื่อมาตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี พร้อมทั้งส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในนามขอ “กลุ่มพลังใหม่” หรือ “กลุ่มพลังเฮ้ง” และมีสโลแกนว่า “พวกกันสำคัญเสมอ”
การแตกแยกในครั้งนี้มีผลพวงมาจาก “รัฐมนตรีเฮ้ง” มีความเห็นต่างทางการเมืองกับ “บ้านใหญ่” และมองว่าบ้านใหญ่ไม่รักษาสัญญา หากผลักดัน ส.ส.ได้ 3 เขตเลือกตั้ง จะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นบำเหน็จ
ประกอบกับ “กลุ่มบ้านใหญ่” ยังต้องการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมด ทำให้นักการเมืองท้องถิ่นหลายคนไม่มีโอกาสแจ้งเกิดทางการเมือง จึงได้ตัดสินใจแยกตัวออกมา โดย “รัฐมนตรีเฮ้ง” ได้เข้าสังกัด “พรรครวมไทยสร้างชาติ” พร้อมทั้งยืนยันว่าจะติดตาม “บิ๊กตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ผลักดันให้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่วน “บ้านใหญ่” เข้าสังกัด “พรรคเพื่อไทย”
สำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.ชลบุรี หลายคนได้จับตามองการแข่งขันระหว่าง “กลุ่มบ้านใหญ่” กับ “กลุ่มบ้านใหม่” เป็นหลัก เพราะหากใครได้ ส.ส.สังกัดมากที่สุด ก็จะมีอำนาจทางการเมืองในพื้นที่ จ.ชลบุรี ทุกระดับ สำหรับ จ.ชลบุรี มี ส.ส.ได้ทั้งหมด 10 คน
ชลบุรี เขต 1
เขต 1 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “น.ส.สุภีพันธุ์ หอมหวน” หรือ “สจ.แอ้” ลูกสาว “นายภาสกร หอมหวน” หรือ “สท.เหี่ยว” คนสนิทกำนันเป๊าะลงสมัครรับเลือกตั้ง
ช่วงแรกมีกระแสว่า “นายสุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” จะลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกับ “สจ.แอ้” ปรากฏว่าจากการทำไพรมารี่โหวต มีมติให้ “น.ส.ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์” น้องเมียของ “นายสุชาติ” ลงสมัครรับเลือกตั้งแทน
หากวัดพื้นฐานคะแนนความนิยมจะพบว่า “น.ส.สุภีพันธุ์” มีความโดดเด่นมากกว่า เนื่องจากได้ลงพื้นที่หาเสียงมายาวนาน ประกอบกับ “น.ส.ณภัสนันท์” ถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีร้านทองในตลาดหนองมน แต่ขาดความใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ ความโดดเด่นจึงตกเป็นของ “น.ส.สุภีพันธุ์”
ส่วนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอื่นๆ ยังไม่มีความโดดเด่น แต่พรรคที่น่าสนใจคือ “พรรคก้าวไกล” ซึ่ง “นายวรท ศิริรักษ์” ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่พื้นที่อยู่ใน ต.บางทราย อ.เมืองชลบุรี จึงต้องใช้กระแสพรรคช่วย จึงทำให้คะแนนเสียงไม่โดดเด่นเท่าที่ควร โอกาสที่ “น.ส.สุภีพันธุ์” จะได้รับการเลือกตั้งจึงมีสูงตามไปด้วย ดังนั้น เขต 1 “นางสาวสุภีพันธ์” จาก “เพื่อไทย” นำขาด
ชลบุรี เขต 2
เขต 2 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายฉัตรชัย อั้งลิ้ม” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านสวนลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยจะแข่งกับ “นายคงพัชร ไขรัศมี” อดีต สจ.ชลบุรี เพิ่งถูกทาบทามมาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เนื่องจากครั้งแรกให้วางตัว “นายอุกฤษณ์ ตั๊นสวัสดิ์” หรือ “นายกอุ๊ย” อดีต “ส.ส.ชลบุรี” ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เนื่องจากสุขภาพไม่ดี จึงขอสละสิทธิ์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
จึงทำให้ความโดดเด่นไปตกที่ “นายฉัตรชัย” เนื่องจากได้คะแนนเสียงจากประชาชนในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มีการแจกข้าวสารอาหารแห้งในพื้นที่เทศบาลเมืองชลบุรี เทศบาลเมืองบ้านสวน
ประกอบกับทาง “บ้านใหญ่” ได้ประสานงาน “นายสามารถ สุขสว่าง” นายกเทศมนตรีตำบลนาป่า และมีความใกล้ชิดกับ “กำนันเป๊าะ” มาช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง จึงทำให้มีฐานคะแนนเสียงดีขึ้น สนามนี้ต้องยกให้ “นายฉัตรชัย” จาก “พรรคเพื่อไทย”
ส่วนอีกคนที่ต้องจับตามองคือ “ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง” อดีต ส.ส.ชลบุรี สมัยที่ผ่านมา แต่ขาดกำลังหลักคือ “กำนันบั๊ก” หรือ “นายกำพล วงศ์ทรายทอง” ผู้ทรงอิทธิพลในการเลือกตั้งพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี ซึ่งได้เสียชีวิตลง จึงทำให้ขาดหัวคะแนนสำคัญในพื้นที่ เพราะไม่มีผู้ประสานงาน ในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงขาดความโดดเด่น ดังนั้นในเขต 2 “นายฉัตรชัย” จาก “เพื่อไทย” นำ
ชลบุรี เขต 3
เขตเลือกตั้งที่ 3 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายมานิตย์ ภาวสุทธิ์” อดีต “ส.ส.ชลบุรี” ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยแข่งขันกับ “สจ.ตี๋” หรือ “นายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์” อดีต “สจ.ชลบุรี” ลงสมัครในนาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ถือว่าสนามนี้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเช่นกัน
แต่ “นายสุรพงศ์” หลังจากถูก “วางตัว” ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่เขต 3 ชลบุรี ได้ลงพื้นที่อย่างหนักกว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับได้แรงสนับสนุนจาก “นายก อบต.” หลายพื้นที่ใน อ.พานทอง และ อ.บ้านบึง จึงทำให้ฐานคะแนนโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม “นายมานิตย์” ก็ยังไม่ทิ้งลาย เพราะได้แรงสนับสนุนจากตระกูล “คุ้มครอง” ซึ่งมีฐานเสียงในพื้นที่ อ.พานทอง และเป็นฐานคะแนนที่มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวนมาก รวมทั้งฐานเสียงจากพื้นที่ ต.หนองไม้แดง ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นกำเนิด สนามนี้สูสี แต่ความโดดเด่นไปอยู่ที่ “สจ.ตี๋” หรือ “นายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์” ส่วนผู้สมัครพรรคอื่นๆ ยังขาดความโดดเด่น เขต 3 “สจ.ตี๋” จาก “รวมไทยสร้างชาติ” ออกนำไปก่อนในช่วงแรก
ชลบุรี เขต 4
เขต 4 ถือว่าสนามนี้จะมันสุดขั้ว เพราะคู่อริเก่าเจอกัน “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์” หรือ “ส.ส.ต้น” อดีต ส.ส.ชลบุรี 3 สมัยติดต่อกัน แข่งกับ “นายจิรวุฒิ สิงโตทอง” หรือ “ส.ส.เป้า” ลูกชายเฮียซุ้ย อดีต ส.ส.ชลบุรีหลายสมัย
“นายจิรวุฒิ” เป็นคนของพรรคเพื่อไทยเก่า แต่การส่ง ส.ส.ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยไม่พิจารณาให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงถูกทาบทามจากรัฐมนตรีเฮ้ง ให้มาร่วมมือทางการเมือง จึงได้พลิกขั้ว 360 องศาจาก “พรรคเพื่อไทย” มาอยู่ “รวมไทยสร้างชาติ”
ดังนั้นถือว่าสนามนี้ไม่ธรรมดา เพราะการแข่งขันในครั้งนี้ “รัฐมนตรีเฮ้ง” สนับสนุน “ส.ส.เป้า” อย่างเต็มที่ เพื่อแย่งชิงฐานการเมืองในพื้นที่เขต 4 และยังเป็นการขยายพื้นที่มาในเขต อ.บ้านบึง อ.บ่อทอง และ อ.หนองใหญ่ ซึ่ง “ส.ส.เป้า” เคยอยู่กับ “พรรคเพื่อไทย” และลงเลือกตั้ง ส.ส.มาแล้ว 3 ครั้ง ไม่เคยชนะ “ส.ส.ต้น” พ่ายแพ้มาตลอด ครั้งนี้ “ส.ส.เป้า” ขอสู้เต็มที่และขอทิ้งทวนก่อนที่จะปล่อยให้คนรุ่นลูกมาเล่นการเมืองแทน
สำหรับเขต 4 สนามนี้ถึงแม้ว่า “ส.ส.ต้น” จะโดดเด่น แต่ “ส.ส.เป้า” ครั้งนี้ก็มีความพร้อมทั้งทรัพยากรและอำนาจรัฐ ถือว่าทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเท่าๆ กัน อยู่ที่ใครจะกำหัวคะแนนได้มากกว่ากัน ผู้นั้นก็จะได้รับชัยชนะ
แต่อย่างไรก็ตาม เขตนี้ คอการเมืองยังให้ “ส.ส.เป้า” จาก “รวมไทยสร้างชาติ” เหนือกว่า ส.ส.ต้น ที่แม้จะขุมกำลังที่ผสมกัน 3 ส่วน ทั้งคะแนนพรรคเพื่อไทย คะแนนพลังชล และคะแนนของตระกูลเนื่องจำนงค์ แต่พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ฐานคะแนนของคนเสื้อเหลืองเดิม ทำให้ส.ส.ต้นอาจจะเสียเปรียบ ส.ส.เป้า จากปัจจัยนี้ ยกแรกจึงยกให้ ส.ส.เป้า จากรวมไทยสร้างชาติ นำ
ชลบุรี เขต 5
เขต 5 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์” อดีต “สจ.ชลบุรี” ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยจะแข่งกับ “นายรณเทพ อนุวัฒน์” อดีต ส.ส. ลงแข่งในนาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ล่าสุด สนามนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว “นายรณเทพ” ได้ใช้หัวคะแนนของ “กลุ่มบ้านใหญ่” ในนามของพรรคพลังประชารัฐ จึงทำให้ชนะการเลือกตั้ง ประกอบกับคู่แข่งไม่แข็งแรงพอ จึงทำให้ชนะด้วยคะแนนกว่า 5 หมื่นคะแนน
แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ “นายรณเทพ” จะต้องใช้หัวคะแนนของตัวเอง จึงทำให้ขาดความโดดเด่น ส่งผลให้ “นายอนันต์” มีโอกาสได้รับชัยชนะสูง เนื่องจากได้แรงสนับสนุนจาก “นายวิทยา คุณปลื้ม” นายก อบจ.ชลบุรี ซึ่งเคยกรำศึกลงเลือกตั้งในพื้นที่ อ.พนัสนิคม และ อ.เกาะจันทร์มาก่อน ทำให้มีหัวคะแนนที่ไว้ใจได้จำนวนมาก สนามนี้ นายอนันต์จึงมีความโดดเด่น
นอกจากนี้ยังมี “นายประมวล เอมเปีย” อดีต ส.ส.ชลบุรี ลงกรำศึกในครั้งนี้ด้วย โดยสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ แต่ฐานคะแนนยังไม่โดดเด่น แต่จะเป็นตัวฉุดคะแนนทั้งนายอนันต์ และนายรณเทพ เพราะนายประมวลได้ลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่นี้มานาน และมีฐานคะแนนพอสมควร อย่างไรก็ตามเขตเลือกตั้งนี้ “นายอนันต์” ยังมีความโดดเด่น เขต 5 นายอนันต์ เพื่อไทยนำมาก่อนในโค้งแรก
ชลบุรี เขต 6
เขต 6 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นางสุกุมล คุณปลื้ม” ภรรยาของ “นายสนธยา คุณปลื้ม” แกนนำของคนบ้านใหญ่ อาจกล่าวได้ว่า สนามนี้ “นายสนธยา” จะต้องปิดประตูตายให้ได้ ตามสโลแกนที่ว่า “เมียข้าใครอย่าแตะ” ส่วน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ส่ง “นายสมเจตน์ เกตุวัตถา” อดีตนายกเทศบาลตำบลบางพระ สำหรับสนามเลือกตั้งนี้ถือว่าสูสี
หาก “นายพันธ์ศักดิ์ เกตุวัตถา” อดีต ส.ส.ชลบุรี หันมาช่วย “นายสมเจตน์” ก็จะทำให้คะแนนเสียงโดดเด่นขึ้นมา เนื่องจาก “บ้านใหญ่” มีความเห็นต่างกันอย่างรุนแรง พร้อมประกาศว่าจะไม่คบคนในตระกูล “เกตุวัตถา”
อย่างไรก็ตามสนามนี้ “นายสนธยา” ยอมแพ้ไม่ได้ จะต้องหาหนทางดับฝัน “นายสมเจตน์” ทำให้ “นางสุกุมล” มีโอกาสชนะสูง
เขต 6 แม้เขตเมียข้าใครอย่าแตะ แต่การรวมพลังกันของ “รัฐมนตรีเฮ้ง” กับ “ตระกูลเกตุวัตถา” ทำให้ยกแรก “นายสมเจตน์” ยังนำ “นางสุกุมล” อยู่เล็กน้อย
ชลบุรี เขต 7
เขต 7 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายสงกรานต์ ภาชนะ” อดีต สจ.ชลบุรี ลงสมัครรับเลือกตั้ง แข่งกับ “นายรุ่งเพชร แจ่มเจริญ” หรือ “นายกฯ แขก” อดีต นายก อบต.บ่อวิน ในนาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หากมองดูแล้ว
“นายรุ่งเพชร” มีฐานคะแนนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ ต.บ่อวิน ส่งผลให้ “นายสงกรานต์” มีความโดดเด่นมากกว่า เขตนี้ “นายสงกรานต์” เพื่อไทยได้เปรียบพื้นที่ ยังนำขาดเช่นกัน
ชลบุรี เขต 8
เขต 8 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายแมน อินทร์พิทักษ์” อดีต สจ.ชลบุรี ลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกับ “นายมานพ ประกอบธรรม” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลตะเคียนเตี้ย “พรรครวมไทยสร้างชาติ” สนามเลือกตั้งนี้ถือว่าสูสีเช่นกัน จะต้องวัดกันในเรื่องบรรดาหัวคะแนนของแต่ละฝ่าย ว่าใครจะเจ๋งกว่ากัน
อย่างไรก็ตามอย่าลืมสนามนี้ยังมี “นายจรัส คุ้มไข่น้ำ” อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ถือว่าเป็นเจ้าของพื้นที่และหวังว่าจะได้คะแนนจากผู้ใช้แรงงานสนับสนุน นับว่าสนามนี้สูสีกันมากทั้ง 3 พรรคการเมือง แต่ “นายจรัส” อาจจะได้เปรียบในฐานะที่เคยชนะมาก่อน และมีฐานเสียงก้าวไกลในพื้นที่เหนียวแน่น เขต 8 “นายจรัส” ก้าวไกล ยังนำในการประเมินครั้งแรก
ชลบุรี เขต 9
เขต 9 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายชวลิต แสงอุทัย” อดีตนายอำเภอบางละมุง และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ที่สำคัญครอบครัวยังอยู่ในพื้นที่เลือกตั้งอีกด้วย ทำให้มีฐานคะแนนหนาแน่น
ส่วน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ส่ง “นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร” อดีตนายกเมืองพัทยา ลงสมัครรับเลือกตั้ง ถือว่ามีคะแนนดีเหมือนกัน เพราะมีการเตรียมการจะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาในสมัยที่ผ่านมา แต่มีเหตุขัดข้องบางประการ จึงตัดสินใจส่งน้องชายคือ “นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร” ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาแทน
ถือว่า “นายนิรันดร์” เล่นการเมืองมาแล้วหลายสมัย มีความช่ำชองในเรื่องของฐานเสียง ส่งผลให้ฐานคะแนนของ “นายชวลิต” กับ” นายนิรันดร์” สูสี จึงต้องมาวัดกันในเรื่องหัวคะแนน หากใครกุมหัวคะแนนได้มากกว่า ก็มีโอกาสได้รับชัยชนะ
เขต 9 “ผู้ว่าฯ ชวลิต” และเป็นอดีตนายอำเภอบางละมุง แถมยังคนท้องที่ จาก “พรรคเพื่อไทย” ไม่น่าจะมีปัญหา ออกตัวนำไปก่อนในช่วงต้น
ชลบุรี เขต 10
เขตเลือกตั้งที่ 10 “พรรคเพื่อไทย” ส่ง “นายพนธกร ใคร่ครวญ” ลูกชายพลเรือเอก ธนกาญจน์ ใคร่ครวญ อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ถือว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สัตหีบ ส่วนใหญ่จะมีฐานคะแนนเสียงของทหารเรือเป็นหลัก หากกล่าวไปแล้วทหารเรือไม่ค่อยถูกกับทหารบก ส่งผลให้มีคะแนนเสียงโดดเด่น
ส่วน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ส่ง “นายสมชาติ คุณปลื้ม” หรือ “ทิดเล็ก” น้องชายกำนันเป๊าะ - นายสมชาย คุณปลื้ม ลงสมัครรับเลือกตั้งถือว่าเป็นการข้ามห้วยจาก ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี มาลงสมัครรับเลือกตั้งใน อ.สัตหีบ ถือว่าไม่มีฐานคะแนนเสียง
อย่างไรก็ตามที่สำคัญสนามเลือกตั้งเขตนี้เป็นพื้นที่ของ “ดร.เอ” หรือ “นายสะถิระ” เผือกประพันธุ์ อดีต ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ที่เบียด “นายพนธกร” หลุดโค้งสุดท้าย ทั้งที่ถูกวางตัวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในสมัยที่ผ่านมา จึงเกิดเป็นความแค้นใจลึกๆ ของ “นายพนธกร” จึงต้องขอพิสูจน์ว่าสนามเลือกตั้งที่ 10 พื้นที่ สัตหีบ ใครจะเป็นเจ้าของตัวจริง
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า “นายพนธกร” จะลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก หากทหารเรือไม่ทิ้งกัน เชื่อว่า “นายพนธกร” ก็มีโอกาสได้รับเลือกตั้งสูงเช่นกัน เขต 10 เขตทหารเรือ และเป็นเขตเดิมที่ “เพื่อไทย” ชนะทุกครั้ง ทำให้ “นายพนธกร” จากเพื่อไทยยังนำห่างในช่วงแรก
สำหรับกระแสของคนบ้านใหญ่ ที่มี “นายสนธยา” เป็นแกนนำได้สร้างความหวังลึกๆ ว่า “พรรคเพื่อไทย” จะต้องได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ไม่น้อยกว่า 6 ที่นั่งในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 ขณะเดียวกันมีคอการเมืองบางคนวิเคราะห์ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ “เพื่อไทย” มีโอกาสแลนสไลด์สูง
สรุป ความน่าจะเป็น ในการเลือกตั้ง โค้งแรก "ผู้มีโอกาสได้เป็น "ส.ส.ชลบุรี"
เขต 1 “นางสาวสุภีพันธ์” จาก “พรรคเพื่อไทย”
เขต 2 “นายฉัตรชัย อั้งลิ้ม” จาก “พรรคเพื่อไทย”
เขต 3 “นายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์” จาก “พรรครวมไทยสร้างชาติ”
เขต 4 “นายจิรวุฒิ สิงโตทอง” จาก “พรรครวมไทยสร้างชาติ”
เขต 5 “นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์” จาก “พรรคเพื่อไทย”
เขต 6 “นายสมเจตน์ เกตุวัตถา” จาก “พรรครวมไทยสร้างชาติ”
เขต 7 “นายสงกรานต์ ภาชนะ” จาก “พรรคเพื่อไทย”
เขต 8 “นายจรัส คุ้มไข่น้ำ” จาก “พรรคก้าวไกล”
เขต 9 “นายชวลิต แสงอุทัย” จาก “พรรคเพื่อไทย”
เขต 10 “นายพนธกร ใคร่ครวญ” จาก “พรรคเพื่อไทย”