เลือกตั้ง66: เจาะสนามกทม."คลองเตย-วัฒนา"เทียบฟอร์ม รุ่นใหม่ ท้าชน รุ่นเก่า

"สนามเลือกตั้งกทม."  รอบนี้ กกต.แบ่งเขตไว้ 33 เขต  เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งเมื่อปี 62  ที่เคยกำหนดไว้ 30 เขต  หรือเพิ่มมาอีก 3 เขต  ไม่เพียงเท่านั้น ผู้สมัครหลายรายต้องประสบปัญหาการเดินสายหาเสียง เพราะการแบ่งเขตชนิดพ่วงแขวงใกล้เคียงเข้าไปในเขตความรับผิดชอบของผู้สมัคร เรียกว่า การหาเสียงแต่ละครั้งต้องกำหนดยุทธศาสตร์พื้นที่กันค่อนข้างละเอียดจะเดินไปทับผู้สมัครพรรคเดียวกันอีกเขตหรือไม่อะไรทำนองนั้น 

แน่นอนว่า สนามเลือกตั้ง กทม. เปรียบได้กับตัวชี้วัดความนิยมพรรคในการเป็นรัฐบาลก็ว่าได้  ดังนั้น แต่ละพรรคการเมืองจึงหมายมั่นปั้นมือ ส่งผู้สมัครลงทำการแข่งขันชนิดจัดหนักอัดเต็ม แต่ละเขตจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

หนึ่งในนั้นคือ"เขตสี่ คลองเตย-วัฒนา" ซึ่งเป็นพื้นที่ตอนกลางของ กทม.ที่มีความหลากหลาย เช่นแหล่งธุรกิจ คอนโดมิเนียม ชุมชน หมู่บ้านจัดสรร ดังนั้นใครที่จะมาเป็นส.ส.เขตนี้ต้องทำการบ้านอย่างหนักเพราะการชนะใจคนกรุงไม่ใช่เรื่องง่าย ลำพังจะอาศัย "กระแส" เพียงอย่างเดียวโดยไม่ลงพื้นที่นั้น ยากจะคว้าชัย

 

หากให้มองไปยัง"แคนดิเดต"ที่มีโอกาสนั้น จะเหลือพรรคใดที่มีลุ้นบ้าง ไล่เรียงจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป

"กรณิศ งามสุคนธ์วัฒนา"  อดีต ส.ส.กทม.หนึ่งสมัยและอดีตส.ก.สองสมัย งวดนี้"ส.ส.น้อง" สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย  และหวังคนละหนึ่งคะแนนของประชาชนในพื้นที่เพื่อกลับไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอีกครั้ง โดยอาศัยประสบการณ์และผลงานเด่นที่ทำมาต่อเนื่องในพื้นที่ เช่น ผลงานช่วงโควิด, เรื่องจัดระเบียบสายไฟฟ้า-สายสื่อสารลงดิน, ถนน-ทางเดิน และ ส่วนขยายต่อสวนเบญจกิติ-สวนเพลินจิต บวกกับแคมเปญเลือกตั้งหลายชิ้นของภท.

แต่เมื่อมองบริบทการเมืองตอนนี้  ไม่ใช่งานง่ายสำหรับส.ส.น้อง เพราะพรรคสีน้ำเงินกำลังอยู่ในช่วง"พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก" แต่ถ้าส.ส.น้องอาศัยจังหวะเกาะติดพื้นที่และเครดิตส่วนตัวในการทำงานสม่ำเสมอ "โอกาสของส.ส.น้องน่าจะยังเหนือคู่แข่ง" แต่จะประมาทไม่ได้แม้เพียงชั่วกระพริบตา

"ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง" จากพรรคประชาธิปัตย์  "ผู้กองเอิร์ธ" อาศัยเครดิตของ"พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง" อดีตผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งตอนนี้คุณพ่อสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิลต์ อันดับ 20 พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ลูกชายอยู่อีกพรรค

ตรงนี้คือคำถามที่หลายคนสับสนและแซวกันว่า"พ่อกับลูก" แยกกันเดินเพื่อหวังคะแนนเสียงของส.ก.คลองเตยรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนสนิทของ"ผู้กองคนดัง" 

ล่าสุดมีประเด็นสังคมที่ร้อนแรงเข้ามาอีกเมื่อ"ผู้กองเอิร์ธ"ไปพูดในเวทีหาเสียงเลือกตั้ง "สนับสนุนให้การค้าประเวณีถูกกฎหมาย ต้องนำธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาบนดิน" แบบไม่สนใจกระแส/ฐานเสียงในพื้นที่ และไม่รู้ว่าได้ปรึกษาหารือกับ "ผู้อาวุโส" ในปชป.หรือไม่ เพราะปชป.ชูสโลแกน "สร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติ " แต่นโยบายนี้กับ SEX WORKER? คือคำถามที่หลายคนในเขตนี้สงสัย....

ในด้านการลงพื้นที่แนะนำตัวและผลงาน ทราบว่า"ผู้กองเอิร์ธ"หาเสียงเน้นชูผลงานที่เคยร่วมทำกับคุณพ่อ และมีพี่เลี้ยงจากเวทีท้องถิ่น (อดีต สก.เขตวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ และสก.เขตคลองเตย ปัจจุบัน)เป็นแรงขับสำคัญ แต่อย่าลืมผลคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.งวดล่าสุด มาประกอบโอกาสของ"ผู้กองเอิร์ธ"ด้วยว่า"จะรุ่งหรือร่วงในงวดนี้"

"ภัณฑิล น่วมเจิม" พรรคก้าวไกล  น่าจะได้กระแสสังคมและคนรุ่นใหม่  ถึงขั้นหลายๆคนแซวว่าส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครก็นอนเข้าป้ายแบบไม่ต้องเดินเยอะ จนเป็นประเด็นว่าหลายๆคนแย่งกันเป็นผู้สมัครส.ส. กทม. ให้กับพรรคสีส้ม แต่มองลึกๆ จะพบว่างวดนี้พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคสีส้มเวอร์ชั่นสองต่อจากพรรคอนาคตใหม่เปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.เยอะ

โดยมีกระแสข่าววงใน"พรรคสีส้ม"แจ้งว่าคนการเมืองค่ายนี้หลายคนยุติบทบาทเพราะไม่เห็นด้วยกับการเลือกผู้สมัครบวกกับการเจอภาวะเสี่ยงหลายเรื่องที่แกนนำพรรคแสดงออก รวมทั้งระบบส่งกำลังบำรุงที่แกนนำพรรคให้คนการเมืองค่ายนี้ดูแลตัวเอง บวกกับ"พรรคเพื่อไทย" ประกาศแลนด์สไลด์ซึ่งคู่แข่งหลักคือพรรคก้าวไกล งานนี้สู้กันสนุก

"นวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล"  พรรคเพื่อไทย หรือ" บิ๊กเบญ" แกนนำคนเสื้อแดงคลองเตย" ทราบว่า "บิ๊กเบญ"บาดหมางขั้นแค้นฝังหุ่นด่ากราด "ผู้กองเอิร์ธและ สก.ต่าย คลองเตย" ที่ผิดสัญญาลูกผู้ชายเพราะ "มาลงแข่งแย่งฐานเสียงกันเอง"เนื่องจากความจริงนั้น"บิ๊กเบญ" และคนเสื้อแดงเเป็นคนส่งให้ "ต่าย คลองเตย"เข้าไปเป็น สก.ในงวดนี้ แต่วันนี้กลับไปหนุน"ผู้กองเอิร์ธ" ดังนั้นแปลความได้ว่า ฐานเสียงของส.ก.คลองเตยที่สนับสนุน"ผู้กองเอิร์ธ"แท้จริงเป็นคนเสื้อแดง ดังนั้นโอกาสที่"บิ๊กเบญ"จะตัดแต้มกับ"ผู้กองเอิร์ธ"และ"พรรคสีส้ม"จึงเป็นสมการการเมืองของศึกสามเส้าระหว่าง"เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์" โดยมี"ก้าวไกล"มาตัดแต้มของ"บิ๊กเบญ"ไปอีกด้วย ดังนั้นศึกนี้อาจเปิดทางให้คู่แข่งรายอื่นๆสะดวกขึ้นหลายดีกรีในพื้นที่นี้

"เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์" พรรครวมไทยสร้างชาติ เกาะกระแส"พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ในการลงแข่งขัน แต่หากมองโอกาสของ"เขตรัฐ"และ"รทสช."ในคราวนี้ น่าจะไม่เหมือนกระแส"ลุงตู่"เมื่อสี่ปีที่แล้ว เพราะคนกรุงส่วนใหญ่สะท้อนความรู้สึกในช่วงแปดปีที่ผ่านมาผ่านโพลล์หลากสำนักแล้วว่า ความนิยมในตัว"ลุงตู่"เมื่อวันวานกับวันนี้ผลลัพธ์ออกมาเยี่ยงใด แถม"เขตรัฐ"ต้องมาแย่งคะแนนฐานเสียงกันเองกับ"ผู้กองเอิร์ธ"อีกด้วย  ยิ่งยากไปกันใหญ่ในการแจ้งเกิด

"ภูวกร ปรางภรพิทักษ์"  แห่งพรรคพลังประชารัฐ  เคยอกหักจากเลือกตั้งส.ส.งวดที่แล้ว คราวนี้"ภูวกร"น่าจะช่วยดึงคะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้"พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ"ได้พอชื่นใจบ้าง แต่จะหวังลุยถึงขั้นแย่งเก้าอี้ส.ส.มาครองนั้น...คงยาก    

 

"ศรัณยภัคร สุนทรปิยะกุลพัศ"  ของพรรคไทยสร้างไทยนั้น  น่าจะมาแข่งขันงวดนี้บนทำนอง"ทสท."ส่งครบ 33 เขต เพราะจับกระแสได้ชั้นต้นว่า"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" หาผู้สมัครที่พอสู้ได้ยาก ดังนั้นงวดนี้ทสท.หวังเกาะกระแสไว้บ้าง...

หากให้สรุปสถานการณ์ในเขตนี้พบว่า "ผู้กองเอิร์ธ"ปะทะหนักกับ"เขตรัฐ"และ"ภูวกร ในฐานะฐานเสียงขั้วเดียวกัน (อนุรักษ์นิยม) และต้องแข่งขันกับ "บิ๊กเบญ" แบบส่วนตัวกันอีก ส่วน"บิ๊กเบญ"นั้นต้องแชร์คะแนนจาก"พรรคก้าวไกล"และ"พรรคไทยสร้างไทย"บวกกับสู้ศึกการแบ่งแต้มจากฐานเสียงสก.สองเขตที่ไปหนุน"ผู้กองเอิร์ธ"ตรงนี้น่าติดตาม ขณะที่”กรณิศ”ต้องฝ่ากระแสขี่พายุทะลุฟ้าไปให้ได้บนภาวะแข่งขันสูง

ฉะนั้นแคนดิเดตผู้แทนฯ"คลองเตย-วัฒนา" ใครได้ลุ้น ใครมีเสียวกันบ้าง เวลาที่เหลืออยู่จะเป็นจุดวัดใจว่าใครจะเป็นหนึ่งเดียวของเขตนี้