svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชูวิทย์" ได้ข้อสรุป ปมคอรัปชั่น หลัง"นายกฯ" ต่อสายรับปัญหาเอง

"นายกฯ" ต่อสายรับปัญหา "ชูวิทย์" ได้ข้อสรุปห้ามปรับบุหรี่ไฟฟ้า หวังปรับกฏหมายใหม่เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว เตรียมส่งหลักฐานฮั๊วประมูลรถไฟสายสีส้มถึงมือนายกฯ ก่อนครม.นัดสุดท้าย ย้ำ จะเฝ้ารูดซิปนายกฯจนกว่าจะเบื่อหรือทนไม่ไหว

21 กุมภาพันธ์ 2566 นายชูวิทย์​ กมล​วิศิษฎ์​ อดีตสมาชิกสภา​ผู้แทนราษฎร​ กล่าวภายหลังการเข้าพบใน นายพีระพันธ์สาลี​ รัฐ​ทวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี​ กว่า​ 1 ชั่วโมง​ ว่​า​ วันนี้ตนได้พูดปัญหาต่าง ๆ กับ นายพีระพันธ์ ทั้งเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า พนันออนไลน์ ความยุติธรรม ปัญหารุกที่อุทยานแห่งชาติ และปัญหารถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยนายพีระพันธ์ ได้ต่อสายถึงนายกรัฐมนตรี และได้ข้อสรุปจากการพูดคุยว่า

เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า จากนี้จะไม่มีค่าปรับ โดยการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ จะยึดส่งต่อไปยังกรมศุลกากร โดยไม่มีโทษปรับ ส่วนในระยะยาวจะต้องคุยกับกระทรวงสาธารณสุขว่า บุหรี่ไฟฟ้าที่ขายอยู่นั้น แม้จะอันตราย แต่ไม่ต่างจากบุหรี่ที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นจะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ

ขณะที่เรื่องพนันออนไลน์ ดำเนินคดีทั้งหมด ทางเว็บไซต์ระดับเล็กกลางและใหญ่ ซึ่งถือเป็นประกาศิต จากข้างใน หากเปิดเว็บพนันออนไลน์ต้องจับกุมดำเนินคดีทั้งหมด นี่คือคำตอบที่ตนได้มา 

ขณะที่ การรุกที่อุทยานแห่งชาติ​ มีทั้งเอกชนและชาวบ้าน​ ซึ่งหากพบว่ามีการก่อสร้างรีสอร์ท ​ต้องยึด​และรื้อถอน​ ส่วนหากเป็นชาวบ้านให้สามารถอยู่อาศัยมีที่ดินทำกินรักษาสิทธิ์ เช่นเดียวกับ อุทยานทับลาน​ โดยผู้ครอบครองจะต้องชี้แจงที่มาว่าเป็นอย่างไร​ มีการสวมลอย​หรือไม่​ 

พร้อมยืนยันว่า ทุกอย่างตนมีหลักฐาน​ โดยตนมีรายชื่อและหลักฐานยืนยันจากรายชื่อผู้ครอบครองที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ​ ซึ่งเกี่ยวโยงกับบริษัทเอกชน​รายใหญ่​ จึงตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดเกษตรกรจึงมีสิทธิประกันสังคม​ ซึ่งหากจัดการจริง ๆ ตนจะดำเนินการในฐานะประชาชน​ จะจัดการให้ถึงลูกถึงคน

ด้านการใช้ดุลยพินิจ​ นายชูวิทย์ กล่าวว่า​ การใช้ทุกดุลยพินิจ​จะต้องตรวจสอบ มีหลักการ​ เหตุผล ไม่ใช่ใช้ดุลยพินิจส่วนตัว​ แต่เรื่องนี้ต้องใช้เวลา รวมทั้งองค์กรกลางต่าง ๆ ที่ถูกล่ามโซ่ไว้ จะต้องถูกตัดโซ่ทิ้ง ทั้งป.ป.ช.​ ป.ป.ง. ป.ป.ส. การตรวจสอบดูแลพินิจต้องถูกตรวจสอบโดยรอบคอบ

ขณะที่เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนจะนำเอกสารหลักฐาน เรื่องคดีรถไฟฟ้าสายสีส้มว่ามีการลงคะแนน​ 27:23  ให้นายพีระพันธุ์ รับทราบและให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา​ โดยขอให้จับตาดูว่าเป็นเช่นนี้หรือไม่​ ยอมรับว่ารถไฟฟ้าสายสีส้ม มีมูลค่าการวิ่งเต้นมหาศาล​ มาสู่กระบวนการทางการเมืองสีเทา ไล่ซื้อคนโน้นคนนี้ เข้ามาสังกัดพรรค​ ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรอง

โดยตนมองว่ากระบวนการนี้ต้องเลิก ไม่เช่นนั้นการเมืองการปฏิรูป จะพูดได้แต่ปาก แต่บรรดาส.ส. หรือผู้สมัคร จะต้องมีอุดมการณ์เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนได้ร่างเอกสารตั้งแต่ต้นทาง​

พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ใช่ราชการ​ ไม่ได้เพิ่งมีการร้องเรียน​ และไม่ได้พึ่งป.ป.ช. แต่ต้นจะเฝ้าเช้า​ เฝ้าเย็นนายกฯเดินไปไหน​ ตนก็จะเดินรูดซิปให้ หากทนได้ก็ทนไป​ จะเห็นหน้าตนจนเบื่อ พร้อมกับประกาศไว้ในบ้านนรสิงห์​ว่า อย่าเอาตนไปผูกพัน​กับการเมือง มีคนหวังเติบโตทางการเมือง​ เน้นเรื่องการทุจริตคอรัปชัน​ และการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคไหนจริงจัง​ พรรคไหนทุจริตคอรัปชั่น จะต้องพิจารณาพรรคนั้นและผมจะส่งสัญญาณไปยังกกต.

เนื่องจากพรรคการเมืองไปติดป้ายมีการสัญญา ให้โน่นให้นี่ หากทำได้แล้วนำเงินที่ไหน หากเป็นการนำเงินจากงบประมาณใช้เช่นนี้ก็มีการโกง จึงขอส่งสัญญาณไปยังกกต.ว่าควรห้ามไม่ให้ทุกการเมืองมาสัญญา ประชาชนเบื่อจะเต็มทน​ การรับปากว่าจะทำให้ ใช้การคอรัปชั่นมาทำ เป็นวิธีการซ้ำซาก​ นักการเมืองเก่าอย่างตนรู้ทัน ทั้งหมดที่ตนพูดในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ได้ผลหรือไม่​ ขอให้ประชาชนเป็นผู้ให้คะแนนเอง

"จะทำได้เท่าที่ทำ​ สุดที่ไหนสุดที่นั่น​ คุณเลือกแบบนี้มา​ ต้องไปย้อนคิดว่า 4 ปีเลือกแบบนี้มาเอง รัฐบาลเป็นอย่างไรประชาชนเป็นแบบนั้นเขาเลือกเขามา ผมไม่ได้เลือกมาคนเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่การเมืองในครั้งนี้มันมีพรรคที่ชะตาถึงฆาต พรรคที่ชะตาดับ​ ชะตาขาด​ โดยเฉพาะกทม.ว่าคนไหนสร้างความเจ็บแค้นน้ำใจกับคนไทย คนไหนที่พูดโกหก ผมพูดได้หมด ประชาชนมีสิทธิถ้าจะพูดและส่ง และสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดังที่สุดที่นักการเมืองทั้งหลายจะกลัว" นายชูวิทย์ กล่าว 

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยื่นข้อมูลการทุจริตแก่นายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด เป็นเพียงการพูด โดยขอให้ทำหนังสือชี้แจงมายังครม.ก่อนนัดสุดท้าย พร้อมกับระบุว่า​ ตนเล่นนอกเกม เพราะเล่นในเกมไม่ได้ เที่ยวนี้มันแน่ ถึงไหนถึงกัน สุดที่ไหนสุดที่นั่น เพราะตนไม่มีอำนาจวาสนาไม่ได้ต้องการตำแหน่ง ขอให้ดูว่าชีวิตกับสู้จะต้องคู่กัน​ หากสู้แล้ว จะไม่ถอย

ส่วนการที่เปิดข้อมูลในช่วงใกล้ยุบสภาฯ ทำให้หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าเกี่ยวกับการเมืองการเลือกตั้งหรือไม่ นายชูวิทย์ ระบุว่า ตนยืนยันว่าตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง แล้วจะให้ตนพูดอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า ข้อตกลงทั้งหมดเป็นการรับปากจากนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชูวิทย์ ระบุว่า​ เมื่อเลขาฯรับปาก​ ก็เหมือนนายกฯรับปาก เพราะไม่สามารถทำงานได้คนเดียว การรับปากเที่ยวนี้เหมาได้ว่านายกฯต้องรับปากอยู่แล้ว พร้อมกับมองว่าป.ป.ช.นั้นไม่มีความหมาย