เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก"มหาวิทยาลัยรามคำแหง" ว่า ขณะนี้กำลังเกิดความสับสนอลหม่าน จากการออกประกาศซ้อนประกาศ ของ"สองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง" โดยประกาศฉบับแรก มาจาก "ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่" อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ลงนามประกาศมหาวิทยาลัยรามคำแหง เรื่อง การปฏิบัติตามคำสั่งศาล
โดยระบุว่า ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่บ.362 / 2565 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ให้ทุเลาการบังคับตามมติของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง และคำสั่งที่ให้ถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งมติและคำสั่งที่แต่งตั้งรักษาการแทนอธิการบดี ไว้เป็นการชั่วคราว ซึ่งมีผลให้อธิการบดียังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป ตามคำสั่งของศาลปกครอง
ในการนี้ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดก็ตามกระทำการใดขัดต่อคำสั่งของศาลปกครอง หรือกระทำการในฐานะใดโดยมิชอบ ย่อมเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย และอาจมีความผิดทางปกครอง และทางวินัย ตามมาตรา 75 / 4 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ขอให้บุคคลากรมหาวิทยาลัยรามคำแหงทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยยึดคำสั่งของศาลปกครองเป็นหลัก หากฝ่าฝืนจะถือว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และอาจถูกดำเนินการทางวินัยต่อไป
วันเดียวกัน "ผศ.บุญชาล ทองประยูร" ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษานานาชาติ กรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ลงนามในประกาศมหาวิทยาลัยรามคำแหง เรื่อง การใช้สถานที่ราชการ
มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงในการประชุมครั้งที่ 3 / 2566 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีมติแต่งตั้งรักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงและรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยเป็นการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหงพ.ศ. 2541 นั้น
บัดนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ทราบว่า ได้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มเรียกประชุมและจะมีการใช้ห้องประชุมอันเป็นสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางมหาวิทยาลัยจึงขอให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีข้อขัดข้องใดๆ ที่คิดว่าเป็ฯสิทธิของตนเองก็ควรที่จักต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย และหากมหาวิทยายัลพบว่ามีบุคคลใดกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่งใดๆ ของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจะดำเนินทางกฎหมายกับบุคคลดังกล่าวต่อไป