ค่ำคืนแห่งเรื่องราวพิเศษของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอาจถือกำเนิดขึ้นที่วิลล่า พาร์ค ในคืนวันอังคารนี้ เมื่อแอสตัน วิลล่าพร้อมลงสนามเพื่อหวังพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยเหนือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในเลกที่สองของรอบก่อนรองชนะเลิศ
ทีมแชมป์ลีกเอิงเดินทางข้ามช่องแคบอังกฤษมาพร้อมกับความได้เปรียบ 3-1 จากเลกแรก แต่ อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีมวิลล่า รู้ดีว่า เปแอสเชคือทีมที่ขึ้นชื่อเรื่อง “หายนะในเลกสอง”
"สิงห์ผงาด" ได้เฮสนั่นตั้งแต่ต้นเกมเลกแรก เมื่อ มอร์แกน โรเจอร์ส ยิงให้วิลล่าขึ้นนำ แต่ในค่ำคืนนั้น ทีมที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์เกมรุกของแข้งหนุ่มอย่าง เปแอสเช กลับพลิกสถานการณ์ด้วยประตูสุดสวยของ เดซีเร่ ดูเอ้ และ ควิชา ควารัตสเคเลีย ก่อนที่ นูโน่ เมนเดส จะมาตอกย้ำชัยชนะในนาทีที่ 92
แม้จะตามหลังอยู่ 3-1 แต่สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นสิ้นหวัง ทว่าในแชมเปี้ยนส์ลีก ความต่างเพียงประตูเดียวสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ และน่าเป็นห่วงเมื่อวิลล่าเคยตกรอบมาแล้ว 2 หนหลังแพ้เลกแรกด้วยผลต่าง 2 ประตูหรือมากกว่า
เกมลีกนัดล่าสุดกับเซาแธมป์ตันซึ่งตกชั้นไปแล้ว วิลล่าเล่นได้ไม่ดีนักในช่วง 70 นาทีแรก แต่การยิงของ โอลลี่ วัตกินส์, จอห์น แม็คกินน์ และ ดอนเยลล์ มาเล่น ช่วยพาทีมชนะ 3-0 ชนิดเรียกความมั่นใจกลับมาได้เต็มที่ ขณะที่ มาร์โก อเซนซิโอ ผู้เล่นเปแอสเชที่ยืมตัวมาเกือบต้องอาย หลังพลาดจุดโทษถึง 2 ครั้ง
ในลีก วิลล่ายังมีลุ้นคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า และพวกเขายังไร้พ่ายในบ้าน 17 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ พร้อมฟอร์มในบ้านที่น่าประทับใจ ชนะ 4 นัดติด ยิงได้อย่างน้อย 2 ลูกถึง 7 จาก 8 นัดหลังในถิ่น และ เอเมรี่ ก็พาทีมชนะ 11 จาก 13 นัดในบ้านในฟุตบอลยุโรป
หลังจากออกสตาร์ทแชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างน่าผิดหวังจนเกือบตกรอบ เปแอสเชกลับมาอยู่ในฟอร์มยอดเยี่ยมและกลายเป็นหนึ่งในทีมเต็งลุ้นแชมป์ หากไม่กลับไปทำพังด้วยตัวเองอีกครั้ง
ย้อนกลับไป 8 ปีก่อน เอเมรี่เคยเจ็บปวดกับการคุมเปแอสเชแพ้ให้กับบาร์เซโลน่าในเกมคัมแบ็กสุดโด่งดัง และใน 7 ครั้งที่เปแอสเชเคยชนะเลกแรกด้วยผลต่าง 2 ประตูหรือมากกว่า พวกเขากลับตกรอบถึง 3 ครั้ง
ไม่เคยมีทีมไหนในประวัติศาสตร์ UCL ที่ตกรอบถึง 4 ครั้งหลังชนะเลกแรกด้วยผลต่าง 2 ประตูหรือมากกว่า แต่ทีมชุดนี้ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่ผสมผสานพลังหนุ่มภายใต้การดูแลของ หลุยส์ คัมโปส ดูมั่นคงกว่าครั้งก่อน ๆ
เปแอสเชได้พักเต็มที่ในช่วงสุดสัปดาห์ หลังคว้าแชมป์ลีกเอิงล่วงหน้าไปเรียบร้อย และยังมีลุ้นจบฤดูกาลแบบไร้พ่าย
แม้ฤดูกาลนี้พวกเขาเคยบุกไปแพ้ทั้งอาร์เซน่อลและบาเยิร์น แต่ชัยชนะ 16 นัดรวดในเกมเยือนทุกรายการ รวมถึงเกมชนะลิเวอร์พูลจากจุดโทษ คือสถิติที่ไม่ธรรมดา แม้สถิตินี้อาจจบลงที่วิลล่า พาร์ค ก็ยังไม่แน่ว่าจะหยุดความสำเร็จของพวกเขาได้
เกือบฟูลทีม โดยมีเพียง ลีออน เบลีย์ ที่ยังไม่พร้อมเต็มร้อย แม้ใกล้จะกลับมาแล้วก็ตาม เกมล่าสุด เอเมรี่พักผู้เล่นตัวหลักหลายราย ซึ่งทั้งวัตกินส์, แม็คกินน์ และมาเล่น ถูกส่งลงในครึ่งหลังและมีส่วนกับประตูทั้งหมด คาดว่าทั้งสามจะได้ออกสตาร์ทเกมนี้ ส่วน เปา ตอร์เรส, ลูก้าส์ ดีญ และ บูบาการ์ กามาร่า ก็น่าจะกลับสู่ 11 ตัวจริง
เอ็นริเก้ก็มีขุมกำลังให้เลือกใช้แบบเต็มสูบเช่นกัน โดย มาร์กินญอส กัปตันทีมจะกลับมาจากโทษแบน และน่าจะเบียด ลูคัส เบรัลโด้ หลุดจากทีม ด้าน อุสมาน เดมเบเล่ ฟอร์มแรงสุด ๆ ทำไปแล้ว 42 ประตู/แอสซิสต์จาก 41 นัดในฤดูกาลนี้ ส่วน วิตินญ่า ก็สร้างสถิติผ่านบอล 148 ครั้งในเลกแรก มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรในแชมเปี้ยนส์ลีก