ทีมฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย เจ้าของอันดับ 53 ของโลก และเป็นเบอร์ 7 ทวีปเอเชีย ที่ประเดิมสนามเกมแรกไปแล้วในศึก เอเอฟซี บีช ซอคเก้อร์ เอเชียนคัพ 2025 รอบสุดท้าย ที่ จอมเทียน อารีน่า เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ด้วยการชนะอินเดีย 3-0 ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ 22 มี.ค.68 ลงสนามเกมนัดที่สองของสายเอ พบ เลบานอน อันดับ 66 ของโลก ที่ชนะคูเวต 5-4 ในนัดแรก
เกมนี้ "โค้ชเอก" เศรษฐกรชัย ชื่นตา โค้ชของทีม ส่งผู้เล่น 5 คนแรก ได้แก่ ผู้รักษาประตู สุริยา บริเดช พร้อมด้วย 3 แนวรับ วัชระ เลไพจิตร กัปตันทีม, นที จีปน และ มาซายูกิ โยชิดะ แนวรุก คมกริช ณะน่าน
พีเรียดแรก เริ่มเกมมา 4 นาที มาซายูกิ โยชิดะ ตั้งบอลให้ คมกริช ณะน่าน โขกจ่อๆ ให้ทีมชาติไทยขึ้นนำ 1-0 ถัดมานาทีที่ 8 เลบานอนพยายามเร่งเครื่อง อัล ซาเลห์ ยืนวอลเลย์โล่งๆ ที่เสาสองเสียบมุมให้เลบานอนตีเสมอ 1-1 จากนั้นนาที 11 คู่เดิม มาซายูกิ โยชิดะ โขกบอลให้ คมกริช ณะน่าน ตีลังกายิงให้ทีมชาติไทยขึ้น 2-1
พีเรียดที่สอง นาที 15 อัล เซอิน ส่องไกลติดเซฟ บอลมาเข้าทาง อัล ซาเลห์ ซ้ำจ่อๆ ให้เลบานอนตีเสมอ 2-2 ถัดมานาที 19 อัล ซาเลห์ มาทำแฮตทริกได้จากจังหวะตามซ้ำ ให้เลบานอนพลิกขึ้นนำ 3-2 จากนั้นนาที 22 แนวรับเลบานอนสกัดมาเข้าทาง รัฐพงษ์ นาดี ยิงให้ไทย ถัดมาอีกนาที นที จีปน ยกบอลวอลเลย์เสียบใต้คานสุดสวยให้ไทยพลิกกลับมานำ 4-3
พีเรียดที่สาม นาที 28 ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ โมฮัมหมัด ไฮดาร์ ซัดไม่พลาดให้เลบานอนตีเสมอ 4-4 ท้ายเกมก่อนหมดเวลา 4 วินาที คมกริช ณะน่าน ซัดแฮตทริกให้ทีมชาติไทยขึ้นนำเลบานอน 5-4
จบเกม ฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทยเฉือนเอาชนะทีมชาติเลบานอน 5-4 คว้าชัยชนะสองนัดรวด มี 6 คะแนนเต็ม ซึ่งถือเป็นวันประวัติศาสตร์ที่ทีมฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย เอาชนะ เลบานอน ครั้งแรกในเอเชียนคัพด้วย หลังจากที่เจอกันมา 3 ครั้งก่อนหน้านี้ ไทยแพ้รวดทั้ง 3 ครั้ง ปี 2013 ที่กาตาร์ เลบานอน ชนะ ไทย 6-4 , ปี 2015 ที่กาตาร์ เลบานอน ชนะต่อเวลา ไทย 3-2 และปี 2017 ที่มาเลเซีย เลบานอน ชนะ ไทย 6-1
โดยรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ไทยจะพบกับคูเวต ในวันที่ 24 มีนาคม 2568 เวลา 20.30 น. ถ่ายทอดสดทาง Facebook / YouTube: Futsal Thailand - ฟุตซอลไทยแลนด์, ช้างศึก และ ช่อง T Sports 7
ผลอีก 3 คู่ที่เหลือ สายเอ คูเวต ชนะ อินเดีย 4-2 ส่วน สายบี อิรัก แพ้ต่อเวลา จีน 2-3 และ ซาอุดีอาระเบีย แพ้ ญี่ปุ่น 2-7
ทีม แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ได้-เสีย แต้ม
1.ไทย 2 2 0 0 8 4 +4 6
2.คูเวต 2 1 0 1 8 7 +1 3
3.เลบานอน 2 1 0 1 9 9 0 3
4.อินเดีย 2 0 0 2 2 7 -5 0
ทีม แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ได้-เสีย แต้ม
1.ญี่ปุ่น 2 2 0 0 11 5 +6 6
2.ซาอุดีอาระเบีย 2 1 0 1 7 10 -3 3
3.จีน 2 1 0 1 6 7 -1 2
4.อิรัก 2 0 0 2 5 7 -2 0
* จีน ชนะ อิรัก 3-2 ช่วงต่อเวลาพิเศษ ได้ 2 คะแนน
ทีม แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ได้-เสีย แต้ม
1.อิหร่าน 1 1 0 0 12 2 +10 3
2.ยูเออี 1 1 0 0 7 1 +6 3
3.อัฟกานิสถาน 1 0 0 1 1 7 -6 0
4.อินโดนีเซีย 1 0 0 1 2 12 -10 0
ทีม แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ได้-เสีย แต้ม
1.โอมาน 1 1 0 0 7 1 +6 3
2.บาห์เรน 1 1 0 0 4 3 +1 3
3.มาเลเซีย 1 0 0 1 3 4 -1 0
4.เวียดนาม 1 0 0 1 1 7 -6 0