เป็นที่ทราบกันดีว่าทีมรักบี้หญิง 7 คนทีมชาติไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถรักษาอันดับ 3 ทวีปเอเชียได้อย่างเหนียวแน่น จนได้สิทธิ์จาก World Rugby ในการเข้าไปเล่น World Rugby Sevens Challenger Series
ซึ่งความสำคัญของรายการนี้คือจะเป็นการเฟ้นหา 4 ทีม จาก 12 ทีมทั่วโลก เพื่อเข้าไปเล่นเพลย์ออฟกับ 4 ทีมท้ายตารางของ World Rugby Sevens Series ซึ่งทีมที่ชนะเพลย์ออฟ 4 ทีมสุดท้ายก็จะได้ลงแข่งถ้วย World Rugby Sevens Series ในปีถัดไป โดยไทยได้เข้าแข่งขันเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนผลงาน 2 ครั้งที่เคยเล่นคือการจบอันดับ 6 ทั้ง 2 ครั้ง ยังคว้าสิทธิ์เพลย์ออฟไม่สำเร็จ
ทว่าในครั้งนี้ 3 นี้แตกต่างกันออกไป เพราะ จีน ที่เคยเล่นในรายการนี้ สามารถฝ่าฟันจนขึ้นไปสู่ถ้วย World Rugby Sevens Series ร่วมกับ ญี่ปุ่น ทำให้ในโซนเอเชียจึงเหลือเพียง ไทย ในฐานะทีมอันดับ 3 กับ ฮ่องกง ทีมอันดับ 4 ที่ยังอยู่ในถ้วย Challenger Series
ล่าสุดในปี 2025 ที่เพิ่งจบไปแล้ว 2 เลก ทีมสาวไทย จบอันดับ 5 ทำให้ผ่านเข้าสู่สนามสุดท้ายเป็น 1 ใน 8 ทีม ที่ได้ไปต่อ ที่เมืองกรากุฟ (คราคอฟ) ประเทศโปแลนด์ ในวันที่ 11-12 เมษายนนี้ โดย ไทย คือ 1 เดียวของทวีปเอเชีย ที่ยังอยู่รอดต่อ ร่วมกับ เคนย่า แอฟริกาใต้ อูกันดา อาร์เจนติน่า โคลอมเบีย เช็ก และ โปแลนด์
เมื่อดูจากรายชื่อทีมที่เข้าสู่รอบ 8 ทีม มีเพียง เคนย่า ทีมอันดับ 1 ของตารางเท่านั้นที่สาวไทยยังไม่เคยดวลมาก่อน ส่วนนอกนั้น 6 ทีมที่เหลือรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี ทำให้ไทยมีโอกาส 50-50 ที่จะได้ติด 1-4 ไปเพลย์ออฟ
หากการวิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ ซึ่งสนามสุดท้ายที่โปแลนด์ มีเพียง 8 ทีม การแบ่งสายจะเป็น สายเอ กับ สายบี ซึ่งการจัดทีมนั้นจะจัดจากแรงกิ้งคะแนนสะสม 1-8 โดยทีมอันดับ 1 กับ 2 จะเป็นทีมวาง ส่งผลให้สายเอ จะมี เคนย่า, โคลอมเบีย, ไทย , อูกันดา และ สายบี มี แอฟริกาใต้, อาร์เจนติน่า, เช็ก, โปแลนด์
ซึ่งโอกาสที่ไทย จะเข้าเป็น 1-2 ของสายยังพอมีหนทาง เพราะทั้ง โคลอมเบีย ที่ล่าสุดเคยเจอกันมาในเลก 2 โดยไทยเสียเปรียบผู้เล่น 5 ต่อ 7 คน ยังเกือบชนะได้ ส่วนปี 2023 แข่งกันแบบ 7 ต่อ 7 คน ไทยชนะอย่างราบคาบ ส่วน อูกันดา นั้นแพ้ทางไทยอยู่แล้วเพราะเจอกันเมื่อไร มักเป็นไทยที่กำชัยได้อย่างต่อเนื่อง แต่ เคนย่า ยังไม่เคยเจอกัน ก็ได้แต่หวังลึกๆว่าจะสู้ได้อย่างสูสี
นอกจากฝีมือของสาวไทยแล้ว การวางแผนของทีมงานก็มีส่วนสำคัญมาก เพราะจากข้อมูลสภาพดินฟ้าอากาศที่เมืองกรากุฟ ช่วงวันที่ 11-12 เมษายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 3-14 องศา และโอกาสที่ฝนจะตกมี 23% ส่วนเมืองไทยไม่ต้องพูดถึงเพราะเดือนเมษายนแตะถึง 40 องศาแน่นอน ฉะนั้นการวางแผนเดินทางเพื่อไปปรับร่างกายจึงเป็นส่วนสำคัญ
อีกทั้งสนามสุดท้ายเพื่อหา 4 ทีมสุดแกร่ง ย่อมใส่กันแบบจัดหนักจัดเต็มแน่นอน อันนี้ก็ขึ้นอยู่ที่การวางแผนของโค้ชแล้วว่าจะรักษาสภาพร่างกายนักกีฬาอย่างไร เพื่อไม่ให้บาดเจ็บเหมือนอย่าง นันทัชพร ยอดยา ผู้เล่นตัวรุกของไทยที่เจ็บหนักจนปิดเทอมยาวไปแล้ว รวมไปถึงการหายไปของ วรรณรี มีโชค กัปตันทีมที่ติดโทษแบน ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของแนวรับ
ที่สำคัญคือรูปแบบการเล่นของไทยในการเข้าแท็กเกิ้ล เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จนต้องเดือดร้อน "บิ๊กต้น" พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ร่วมทีมไปให้กำลังใจติดขอบสนามทุกนัด ต้องประท้วงจนสามารถเปลี่ยนใบแดง เป็นใบเหลือง ในรายของ รัตนาภรณ์ วิทยารณยุทธ์ ฉะนั้นต้องพยายามให้ไทยก้มต่ำๆเข้าไว้ ยังไงรอดแน่นอน เหมือนอย่างที่ทีมญี่ปุ่นใช้กัน
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ ถ้าไทยเล่นได้อย่างละเอียดทุกจังหวะ โอกาสไปเพลย์ออฟที่ลอสแจงเจลิส มีสูงมาก และหากเป็นไปตามนั้นมันคือประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการรักบี้ไทยเลยทีเดียว
ดังนั้นแฟนกีฬาชาวไทยจึงต้องรอส่งกำลังใจให้ทีมรักบี้หญิง 7 คนทีมชาติไทย ในศึก World Rugby Sevens Challenger Series สนามสุดท้าย ที่ประเทศโปแลนด์วันที่ 11-12 เมษายนนี้ ให้คว้าท็อป 4 ได้ตามที่หวัง