เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ ประกาศว่าเขาจะออกจากลิเวอร์พูลเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2023/24 ชื่อของ “ชาบี อลอนโซ่” ก็กลายเป็นกุนซือคนแรกๆที่มีข่าวที่เชื่อมโยงกับงานนี้ทันที
หลังจากนั้นไม่นาน โธมัส ทูเคิ่ล ประกาศว่าเขาจะออกจากบาเยิร์น มิวนิค หลังจากนั้นยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมันก็ตกเป็นข่าวแสดงความสนใจในตัว ชาบี อลอนโซ่ อย่างชัดเจน
ในฐานะนักเตะ อลอนโซ่ เล่นได้อย่างโดดเด่นทั้งกับ ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น
ปัจจุบันในฐานะเฮดโค้ช เขาก็สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับอดีตต้นสังกัดของเขา จากผลงานในช่วง 2-3 ฤดูกาลแรกของอาชีพ
การที่ทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปจะหันมาสนใจคนๆเดียว คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เส้นทางค้าแข้งที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ชาบี อลอนโซ่ มีอาชีพนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และเป็นที่รักของแฟนบอลในทุกทีมที่เล่นให้ โดยไม่เคยต้องเผชิญกับปัญหาหนักๆตลอดอาชีพนักฟุตบอลของตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว
ชาบี อลอนโซ่ เกิดในแคว้นบาสก์ เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสร เรอัล โซเซียดาด ในลาลีกา ต่อมาเมื่อ ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในปี 2004 เขาก็แทบจะไม่เสียเวลาเลยในการเซ็นสัญญาดึงตัว อลอนโซ่ มาเล่นในอังกฤษ เขาเริ่มต้นการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกด้วยวัยแค่ 22 ปีเท่านั้น และประตูในเกม “ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูล” ในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2005 ก็กลายเป็นการปิดฉากฤดูกาลแรกอันน่าทึ่งกับลิเวอร์พูล ชนิดที่แฟนบอลยังจดจำได้ถึงวันนี้
หลังจากผ่านไป 5 ปี 210 เกม และคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้ 1 ครั้ง ชาบี อลอนโซ่ ก็ย้ายไป เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิด ซึ่งเป็นที่ๆเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต นั่นคือการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์ ลา ลีก้า ก่อนย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ในเยอรมนี และก็สานต่อเกียรติประวัติอันยอดเยี่ยมของตัวเอง ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัย
ขณะที่ในนามทีมชาติ อลอนโซ่ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1 สมัยและแชมป์ยุโรป 2 สมัยกับทีมชาติสเปน เรียกว่าจะหานักเตะคนใดที่ครอบครองถ้วยแชมป์ตลอดอาชีพได้ขนาดนี้ก็คงยากเต็มที
จากยอดนักเตะสู่ยอดโค้ช
หลังจากแขวนสตั๊ดในปี 2017 ชาบี อลอนโซ่ เบนเข็มสู่งานโค้ช เข้าอบรมหลักสูตรการฝึกสอน “ยูฟ่า อีลิท” ในรุ่นเดียวกับ ชาบี เอร์นานเดซ (กุนซือ บาร์เซโลน่าในปัจจุบัน) และกลับมาที่ เรอัล มาดริด เพื่อเป็นโค้ชทีมชุดอายุต่ำกว่า 14 ปี ในปี 2019
ต่อมา อลอนโซ่ ได้รับโอกาสย้ายไปเป็นหัวหน้าโค้ชของ “เรอัล โซเซียดาด เบ” ในดิวิชั่น 3 ของสเปน และก็เริ่มฉายแววกับงานด้านนี้ด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ เซกุนด้า ดิวิชั่น (แม้ว่าจะตกชั้นในฤดูกาลสุดท้ายของเขาก็ตาม)
ในเดือนตุลาคม ปี 2022 ชาบี อลอนโซ่ ย้ายเข้ามาคุม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งในเวลานั้นกำลังเผชิญสถานการณ์ย่ำแย่อย่างหนัก ด้วยการรั้งอันดับรองสุดท้ายหลังผ่านไป 8 เกม
สิ่งที่ อลอนโซ่ ปรับให้ลูกทีมเป็นอย่างแรกก็คือการทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่มีบอล โดยอาศัยระบบแผงหลัง 5 คน การปลอดภัยไว้ก่อนแบบนี้ช่วยทำให้ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น และสามารถสร้างพื้นที่เพื่อโจมตีคู่แข่งได้ มุสซ่า ดิยาบี้ (ปัจจุบันอยู่ที่แอสตัน วิลล่า), อามีน อัดลี และ ฟลอเรียน แวร์ตซ์ ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนทีม ช่วยให้ทีมไต่อันดับขึ้นไปบนตารางบุนเดสลีกาได้อย่างรวดเร็วจนจบที่อันดับ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูโรปา ลีก ก่อนไปพ่ายต่อโรม่าของ โชเซ่ มูรินโญ่
และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครหยุด อลอนโซ่ และพลพรรค “ห้างขายยา” ได้อีกเลย
ฤดูกาลอันแสนมหัศจรรย์
ฤดูกาล 2023/24 เลเวอร์คูเซ่น มีการเสริมทัพที่น่าสนใจ วิงแบ็กอย่าง อเล็กซ์ กรีมัลโด้ ที่ย้ายมาแบบไม่มีค่าตัว ได้เพิ่มคุณภาพทางริมเส้นที่หายไปเป็นอย่างดี ส่วนด้านแท็กติก มีการหยิบระบบที่ไม่ค่อยมีใครใช้อย่าง 3-4-2-1 ปัดฝุ่นกลับมาติดตั้งให้ลูกทีมเน้นการ “บิลด์อัพ” หรือการตั้งเกมบุกจากแดนหลังตั้งแต่ผู้รักษาประตู
แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดในแท็กติกของเขาก็คือการติดตั้งกองกลาง 2 คนในระบบ double pivot มาสู่ทีม เนื่องจากการใช้กองหลัง 3 คน รวมถึงใช้กองกลางตัวรับ 2 คน มีข้อดีก็คือสามารถหยิบใช้ใครมาลงเล่นก็ได้ เนื่องจากเป็นแผนที่ไม่ได้ต้องการใช้ความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลัก แต่ต้องการนักเตะที่มีวินัยและสอดประสานกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี รวมถึงเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเองและของเพื่อนร่วมทีมที่จะต้องทำร่วมกัน มันจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับทีมที่ไม่ได้เงินถุงเงินถังมากอย่าง เลเวอร์คูเซ่น
ในด้านเกมรุก “ข้างขายยา” จะขับเคลื่อนเกมริมเส้นด้วยวิงแบ็กที่มีความคล่องตัวสูง อย่าง เฌเรมี่ ฟริมปง และ อเล็กซ์ กริมัลโด้ โดยมี ฟลอเรียน แวร์ตซ์ เป็นหัวใจสำคัญในแดนบน ขณะที่ในส่วนของหน้าที่ในการล่าตาข่าย กลายเป็นการแจ้งเกิดของ “วิคเตอร์ โบนิเฟซ” ดาวยิงโนเนมที่ไปคว้ามาจาก ยูนิโอน แซงต์ ชิลลัวส์ ด้วยค่าตัว 20.5 ล้านยูโร และปัจจุบันยิงไปแล้ว 17 ประตูจากการลงสนาม 26 เกมในทุกรายการ
โดยรวมแล้วสไตล์ฟุตบอลของอลอนโซ่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ด้วยจุดเด่นด้านการครองบอล ชาบี อลอนโซ่ ได้รับการยกย่องอย่างสูงมากขึ้นเรื่อยๆในเยอรมนี ที่ยิ่งไปกว่านั้น เขายังคงเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในสนามฝึกซ้อม โดยสอนบทเรียนอันมีค่าแก่ลูกทีมของเขาในแต่ละเซสชั่น คือถ้าจะลงสนามจริงๆเขายังสามารถเล่นได้อย่างสบาย มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถจ่ายบอลได้เหมือนเขา แม้จะอายุขนาดนี้แล้วก็ตาม
ปัจจุบันในฤดูกาล 2023/24 เลเวอร์คูเซ่นเป็นจ่าฝูงของบุนเดสลีก้า ด้วยสถิติชนะ 24 เสมอ 4 ไม่แพ้ใคร เป็นทีมหนึ่งเดียวจาก 96 สโมสรใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรปที่ยังรักษาสถิตินี้ไว้ได้ และนำหน้า บาเยิร์น มิวนิค อยู่ 13 แต้มแต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด
ซึ่งในคืนนี้ หากพวกเขาเอาชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน ได้ ก็จะการันตีการคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรทันที
สำหรับอนาคต ชาบี อลอนโซ่ ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะอยู่สร้างทีมชุดนี้ต่อไปโดยยอมปฏิเสธ ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น ไปก่อน เนื่องจากมองว่าในเส้นทางอาชีพโค้ชของเจ้าตัวยังมีอะไรให้ต้องพัฒนาอีกมาก จึงยังไม่พร้อมสำหรับการคุมทีมใหญ่ในเวลานี้
และจากการจ่อคว้าแชมป์ลีกของ เลเวอร์คูเซ่น ทำให้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าซีซั่นหน้าเราจะได้เห็นพวกเขาไปโลดแล่นในเวที แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งจะเป็นการแข่งขันที่พิสูจน์ฝีมือของ อลอนโซ่ ไปอีกระดับ
จึงน่าติดตามอย่างยิ่งว่า กุนซือชาวสเปนผู้นี้ จะทำได้ดีแค่ไหนกับการพาทีมเล็กๆไปต่อสู้ในเวทีใหญ่ระดับนี้