12 เมษายน 2568 ความคืบหน้าปฏิบัติการกู้ภัยตึกถล่ม ตึก สตง.ถล่ม เข้าสู่วันที่ 15 มีรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ใช้ความพยายาม เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตในโซนบี ที่พบสัญญาณไฟคล้ายแสงโทรศัพท์มือถือ โดยช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัยชุดปฏิบัติการค้นหา และสุนัข K9 ได้เดินเท้าขึ้นไปสำรวจบริเวณโพรงด้านบนของพื้นที่โซน A และ B หลังพบว่า มีจุดต้องสงสัยว่าเป็นจุดที่มีผู้ประสบภัยติดค้าง อยู่ภายในซากของอาคาร จึงได้นำเครนยกกระเช้าขึ้นไปนำชิ้นส่วนศีรษะของผู้ประสบภัยลงมา และรอการพิสูจน์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเวลา 00.30 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าพบร่างผู้ประสบภัย ที่ติดอยู่ในซากอาคารถล่มโซน ซี เพิ่มเติม 2 ร่าง โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ยืนยันว่า สามารถนำผู้สูญหาย เคสสีดำ ออกมาได้ 1 ราย นับเป็นรายที่ 28 และต่อมาเวลา 01.10 น. สามารถนำผู้สูญหาย เคสสีดำ ออกมาได้เพิ่มอีก 1 ราย นับเป็นรายที่ 29 ถูกนำส่งให้กับสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจแล้วเบื้องต้น ซึ่งผู้สูญหายเคสสีดำ ทั้ง 2 ราย ยังไม่ทราบว่า เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย และไม่ใช่โซนที่กู้ภัยได้ยินเสียงเปิดโทรศัพท์ และพบแสงไฟส่องขึ้นมา
ขณะที่บริเวณด้านหน้าของซากอาคารถล่ม เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ กรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วยตัวเเทนจาก บริษัท ไชน่า เรลเวย์นับเบอร์ 10 ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้ากับบริษัทคู่สัญญา ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ได้เข้าไปในพื้นที่
สอบถามนาย ชนาวิชญ์ สังข์คุ้ม ทีมงานชุดกู้ภัย กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาพบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มเติม ส่วนจุดที่พบแสงไฟยังเข้าไม่ถึง ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ลึกลักษณะเป็นโพรงขนาดใหญ่ แต่จุดดังกล่าวที่พวกตนเข้าไปก็ยังไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่า แต่เมื่อใช้กล้องส่องดูถึงเริ่มมั่นใจแต่ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะมีผู้รอดชีวิตจริงหรือไม่
อาสามูลนิธิกู้ภัยเพชรเกษม ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจค้นหาด้านในจุดตึกถล่ม ให้ข้อมูลว่า การค้นหาจนถึงเช้าวันนี้ ยังพยายามช่วยกันอยู่แต่ความยาก คือ การเข้าไปแล้วเจอซากปูนแท่งขนาดใหญ่ ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ระดมเครื่องมือหนักช่วยเร่งเคลียร์ เปิดทางให้มากขึ้น ยอดเสียชีวิต ณ เวลา 10.30 น. ที่ยืนยัน 32 ราย เจ็บ 9 ราย ยังต้นหาอีก 62 ราย
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการดำเนินการตลอดเวลา โดยได้รับข้อมูลว่า พื้นที่บริเวณที่พบสัญญาณไฟ เป็นจุดที่อยู่ใต้คาน เอียงไปทางด้านซ้าย จึงได้นอนเฉียงนำแขนซ้ายและสอดตัวเข้าไปประมาณ 2 เมตรกว่า และซูมกล้องไปสามระยะ พบว่า จุดต้องสงสัยอยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 4 เมตร ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดดังกล่าวได้ คาดว่าจะต้องเจาะเข้าไปใต้ฐาน
แต่มีอุปสรรคในการทำงานเรื่องแผ่นปูน ที่มีความหนาและน้ำหนักมากกว่า 10 ตัน รวมไปถึงเรื่องของเหล็กเส้น และเนื่องจากข้างบนค่อนข้างชัน และเกรงว่าแผ่นปูนจะร่วงลงมา จึงจะต้องมีการประชุมกันในเรื่องของความปลอดภัยขณะปฎิบัติงานด้วย
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.ปภ.กทม.ผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์
นายสุริยชัย กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการอัดอากาศเข้าไปภายในโพรง ซึ่งหากมีผู้รอดชีวิตจริง ก็จะยังหายใจได้ แต่ยืนยันว่าจากการตรวจสอบยังไม่พบสัญญาณชีพ รวมถึงที่เมื่อวานนี้ มีการใช้กล้องเรดาร์เข้าไป ก็ยังไม่พบสัญญาณแต่อย่างใด และไม่มีสัญญาณการตอบโต้ มีเพียงแสงไฟที่กระพริบเท่านั้น โดยขณะนี้ใช้เครื่องจักรหนักในการเปิดทางอยู่ เพราะมีการประเมินอยู่แล้วว่า ผู้ประสบภัยอยู่บริเวณจุดไหน หากใกล้ถึงจุด จะหยุดเครื่องจักรหนักและใช้คนในการเข้าไปถึงผู้ประสบภัยแทน
นายสุริยชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อคืนนี้ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. พบเพิ่ม 8 จุด แต่ยังสรุปไม่ได้ว่า เป็นร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดกี่คน เนื่องจากบางจุดเป็นชิ้นส่วนร่างกาย อย่างไรก็ตามต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานและ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจสอบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 09.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถแบคโฮ หรือ เครื่องจักรหนัก เริ่มขุดเจาะซากปรักหักพังอาคาร สตง. โดยมีทีมกู้ภัยชุดค้นหา (เสริช ) ขึ้นกระเช้าไปยังด้านบนซาก หรือโซนอี และขุดเจาะทุกโซน เพื่อค้นหาร่างผู้ติดค้างสูญหายอย่างต่อเนื่อง พร้อมใช้น้ำฉีดป้องกันฝุ่นละออง ออกมาภายนอกบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย