"ชัชชาติ" ขอโทษ เจาะโพรงเจอทางตัน ไปไม่ถึงจุดเสียง สัญญาณชีพ

04 เมษายน 2568 เมื่อเวลา 09.00น. ความคืหน้า ตึกถล่ม อาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ล่าสุด ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวความคืบหน้า การปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย ว่า ต้องขอโทษประชาชนด้วย เพราะไม่สามารถเข้าถึงผู้ที่คาดว่าจะมีคนติดอยู่เมื่อวานได้ หลังจากได้ปฏิบัติการเข้าไปตรงจุดที่มีเสียงสัญญาณชีพ โดยได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตลอด ใช้การยกคอนกรีต และใช้เครื่องจักร และนำใช้แชมเบอร์ หรืออุปกรณ์อัดอากาศ ลงไป ก็พบว่า ‘ก็ไม่มีทางไปต่อ’

จนเมื่อคืนเวลาประมาณเที่ยงคืน ทีมกู้ภัยจึงสรุปกันว่าเข้าไปไม่ถึงแน่นอน เพราะขุดไปเท่าไร ก็เป็นโพรงแคบลงเรื่อยๆ และก็เจอแต่เหล็ก

“ทุกโพรงทุกซอกที่เจาะทะลุเข้าไป ยังไม่สามารถหาผู้รอดชีวิตจากวิธีนี้ได้ หลังจากนี้จึงต้องใช้เครื่องมือหนักหลังจากนี้ในการเข้าพื้นที่” 

ชัชชาติ กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ทุกคนเสียใจ แต่ก็ทำดีที่สุดแล้ว เพราะเมื่อวานก็มีการขนเศษปูนออกด้วยมือ โดยเป็นการตักแล้วยกออกไป 20 ตัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างชาติบอกว่าน่าจะเป็นสถิติต้นๆของโลก

ชัชชาติ บอกว่า ขั้นตอนตั้งแต่นี้เป็นตันไปจะใช้เครื่องมือหนักเยอะขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมดหวังในการหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิต แต่จะเน้นการรื้อถอนมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือหนักและจะมีทีมกู้ภัยมอนิเตอร์หากเจอสัญญานชีพ ก็จะเข้าไปทำการค้นหา 

ส่วนกรณีที่ใช้ "สุนัข K9" เข้าไป ก็ไม่ได้คอนเฟิมในช่วงเวลานั้น อาจจะเป็นผู้เสียชีวิต หรือเพิ่งเสียชีวิต จึงได้ทำการขุดต่อ แล้วโพรงที่เข้าไปแคบลงเรื่อยๆ มีเหล็กเส้นจำนวนมาก แต่พอเข้าไปก็ไม่สามารถเปิดจุดอื่นได้แล้ว ทางตันจริงๆ

 

ทั้งนี้ เมื่อวานมีโพรงใหญ่น่าจะเป็นโพรงของลิฟท์ เจออีก 2 ร่าง แต่ยังไม่ได้นำออกมา วันนี้คาดว่าจะมีการนำร่างออกมาได้ จากเดิมมี 14 เพิ่มมาเป็น 16 ที่บริเวณโซน C โดยจะเร่งทำและนำผู้เสียชีวิตออกมา เพื่อพาเขากลับบ้าน โดยจุดที่เจอผู้เสียชีวิต อยู่ในโซนใกล้ๆกับจุดที่เจอก่อนหน้านี้ และทิศทางใกล้กับทางไปบันไดหนีไฟ ร่างที่เจอหากไม่ยากลำบากก็จะนำออกทันที แต่ที่ยังไม่นำออก เพราะมีการถูกทับอยู่

“ไม่มีตำราเล่มไหนที่บอกว่าต้องทำไปกี่นาที กี่ชั่วโมง เพราะต้องรับหน้างาน สิ่งสำคัญคือต้องคาดการณ์ล่วงหน้าว่าต้องทำอะไร ต้องเตรียมล่วงหน้า”

สำหรับซากปรักหักพังทั้งหมด 15,000 ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 40,000 ตัน คาดว่าการรื้อย้าย ต้องใช้เวลาประมาณ 30-60 วัน เพราะจะต้องดูเรื่องของการกู้ภัยควบคู่ไปด้วย หากเจอผู้เสียชีวิต ก็จะต้องนำออกมา อาจจะต้องใช้เวลา จึงไม่ได้เป็นการรื้อเหมือนตึกปกติ และจะต้องเดินหน้าขั้นตอนที่เป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนการจัดการซาก กต้องไปดูว่าใครเป็นเจ้าของ เพราะเหล็กก็ 5,000 ตัน

ชัชชาติ ย้ำว่า..

“ขอโทษจริงๆที่ไปไม่ถึง ผู้ที่เราคาดว่าจะติดอยู่ ช่วงเย็นๆสัญญาณชีพค่อยๆหายไป ไม่ได้ยินเสียงแล้ว”

ชัชชาติ ยังบอกเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นวันที่ครบ 7 วัน ตามมาตรฐานก็จะให้ความสำคัญกับการรื้อถอนมากขึ้น การเดินหน้าสถาการณ์ หลังจากนี้จะใช้เครื่องมือหนักในการรื้อถอน ทั้งแบล็กโฮเข้าไป แล้วถึงจะทำแลมป์ให้เดินขึ้นไปในมุมสูงเพื่อให้เข้าทำงานสะดวก ถ้าเจอสัญญาณชีพ ก็จะเอาทีมกู้ชีพเข้า ถ้าเจอผู้เสียชีวิต เอาทีมพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจดีเอ็นเอ’ รวมถึงจะต้องเก็บหลักฐานบางส่วนที่หน่วยตรวจสอบขอไว้ เพื่อนำไปให้หน่วยตรวจสอบดำเนินการด้วย

ส่วนกำลังใจของเจ้าหน้าที่ ชัชชาติ  เชื่อว่า ทำได้ดีที่สุดแล้ว และไม่มีใครยกเลิกหรือทิ้งไปก่อน เดินหน้าทำเต็มที่ไม่ได้ยกเลิก และทุกอย่างก็ฟังผู้เชี่ยวชาญ เพราะกำลังส่วนหนึ่งมาจากความพยายามที่เต็มที่ ถึงแม้ไม่สำเร็จแต่ก็เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ

ส่วนกรณีที่ตนเองได้หารือกับทูตญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ เป็นการหารือ ถึงการกู้ชีพกู้ภัย และเทคโนโลยี การติดอุปกรณ์ การแจ้งเหตุเวลาเกิดแผ่นดินไหว และการเข้าตรวจอาคาร เพราะประเทศญี่ปุ่นเกิดหนักกว่าจึงมีความรู้มากกว่า

ขณะที่ นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่ากทม. บอกถึงการเยียวยาจิตใจ ว่า จะมีทีมจิตแพทย์ แบ่งเป็น 2 ทีม คือการพูดคุยกับญาติ ก็มีคนที่มีความเครียดเยอะ จากการดูเฟกนิวส์ ดังนั้นทีมแพทย์ต้องผลัดกันเข้าไปพูดคุย 24 ชม. และเมื่อวานนี้ก่อนใช้เครื่องจักรหนักก็จะมีทีมแพทย์เข้าไปสอบถามพูดคุยกับญาติ และญาติก็มีการถามถึงกรณีหากเป็นผู้เสียชีวิต จึงได้ชี้แจงขั้นตอนในเรื่องการตรวจดีเอ็นเอต่างๆ ส่วนอีกชุดหนึ่งจะส่งทีมแพทย์เจ้าไปด้านใน เพื่อดูทั้งทางกายและใจ 

ด้านวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกทม. บอกด้วยว่า สิ่งแรกที่อยากขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน เริ่มมีภาพข่าวของเมียนมา เข้ามาปนกับเหตุการณ์ในกทม. จึงอยากให้สื่อสารให้ชีดเจนว่าเป็นของพื่นที่ และขอให้ระมัดระวัง ในการแชร์ภาพที่ไม่จริง

ส่วนคนป่วยทุกคน ได้รับระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และในพื้นที่มีทุกหน่วยงานเข้ามาร่วมกันช่วยเหลือ ทั้งทหาร จิตอาสา ครัวพระราชทาน และหน่วยงานที่เป็นมูลนิธิ และเราจะร่วมมทอกันจนกว่าจะนำร่างสุดท้ายออกมาและในการเคลียร์พื้นที่ ยืนยันว่าจะทำเต็มที่