26 มีนาคม 2568 มีเรื่องราวของคนรักน้องหมา เมื่อมีการโคลนนิ่งสุนัขที่จากไปทั้งที่ผูกพันกันมาก โดยได้รับการเปิดเผยจากเจ้าของสุนัข น.ส.กัญจน์รัตน์ ศักดิกรธนาศิริ หรือ พี่ไก่ อายุ 50 ปี ชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่ทุ่มเงินหลักล้านบาท เพื่อทำการโคลนนิ่งสุนัขคู่ทุกข์คู่ยากที่ตายไป ให้กลับมาอยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง เป็นสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก เพศเมีย
โดยพี่ไก่ เปิดเผยเรื่องราว พร้อมอุ้ม พะแพง สุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก เพศเมีย อายุ 5 เดือน ที่มีลักษณะสมบูรณ์ นิสัยขี้เล่น ร่าเริง ว่า พะแพงเป็นสุนัขโคลนนิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมตัวแรกของประเทศไทย พร้อมกับนำรูปถ่ายพะแพง สุนัขต้นแบบมาให้ชม พบว่ามีลวดลายแตกต่างกันที่ใบหูข้างซ้ายเท่านั้น
พี่ไก่ เล่าว่า หลังจากที่ พะแพง สุนัขที่ตนรักและผูกพันเสมือนลูกสาวตายลงด้วยภาวะคุชชิง (Canine Cushing’s syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อที่มักเกิดขึ้นในสุนัข ตนจึงประสานไปยัง น.สพ.ศุภเสกข์ ศรจิตติ ผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ สัตวแพทย์ที่สามารถโคลนนิ่งสุนัขได้เป็นรายแรกของไทย เพื่อขอให้ช่วยสุนัขที่เป็นแก้วตาดวงใจของตนได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ในการพูดคุย น.สพ.ศุภเสกข์ มีคำถามกลับมาที่ตน 2 ประเด็น โดยประเด็นแรก หากในอนาคตตนเสียชีวิต ใครจะเป็นผู้ดูแลสุนัขโคลนนิ่งตัวนี้ ซึ่งตนได้ทำพินัยกรรมให้กับคนที่รับหน้าที่ดูแล ทั้งสุนัขโคลนนิ่ง และสุนัขอีก 16 ตัว ไว้เรียบร้อยแล้ว
และประเด็นที่ 2 ตนจะสามารถยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนภายนอกที่ไม่เห็นด้วย และรู้สึกว่าตนไม่ยอมปล่อยวางได้หรือไม่ ในประเด็นนี้ ยอมปล่อยวางจากเงิน 5 - 6 ล้านบาทได้ นั่นไม่ใช่เพราะว่าตนมีเงินหรือฐานะร่ำรวย แต่ในวันที่ยากลำบาก พะแพงเป็นสุนัขที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข และทำให้ตนมีกำลังใจต่อสู้ ในขณะที่คนอื่น ๆ อาจจะมองว่าเงินจำนวนนี้ สามารถนำไปซื้อสุนัขตัวใหม่ได้อีกหลายตัว
หลังได้รับคำตอบ น.สพ.ศุภเสกข์ จึงตัดสินใจรับปากที่จะช่วย พร้อมทำการเก็บเซลล์ที่บริเวณหลังใบหูจากร่างของพะแพง ก่อนนำส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อให้ ศ.ดร.ฮวาง วู ซุก ผู้เชี่ยวชาญด้านการโคลนนิ่ง ทำการเพาะเลี้ยงเซลล์ให้กลับมามีชีวิต และขยายจำนวนให้มากพอ พร้อมเข้าสู่ขบวนการทำโคลนนิ่ง
โดยในช่วงแรกของการทำ พบปัญหาลูกสุนัขหลังคลอดไม่สามารถหายใจได้เองและตายลง จึงต้องใช้เทคนิคการตัดต่อพันธุกรรม ในขั้นตอนนี้ค่อนข้างยุ่งยากและต้องใช้เวลานาน กระทั่งสามารถทำโคลนนิ่งได้สำเร็จในครั้งที่ 5 รวมเวลานานกว่า 1 ปี ถือเป็นสุนัขโคลนนิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมตัวแรกของประเทศไทย
สำหรับยอดเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ราคาทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายการทำโคลนนิ่งราคากว่า 3 ล้านบาท จริง ๆ แล้ว ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าตัดต่อพันธุกรรมมีมูลค่าสูงกว่า 20 ล้านบาท แต่ด้วยความเมตตาของ ศ.ดร.ฮวาง วู ซุก ที่เห็นถึงความรักของตนที่มีต่อพะแพง จึงไม่คิดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
หลังจากพะแพงอายุได้ 4 เดือน จึงมีโอกาสพบหน้ากันเป็นครั้งแรก พะแพงจ้องมองตนอยู่ประมาณ 1 นาที ก็แสดงอาการว่าจดจำตนได้ทันที และยังแสดงอาการหลายอย่างที่สื่อว่าพะแพงกลับมาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ตนประหลาดใจมากที่สุด ก็คือ สามารถฟังคำสั่งภาษาไทยได้รู้เรื่อง เป็นไปตามที่คุณหมอแจ้งไว้ว่า สุนัขโคลนนิ่ง นอกจากรูปร่าง สี และเพศที่เหมือนเดิมแล้ว ความทรงจำก็จะกลับมาด้วย ยกเว้นเพียงลวดลายตามตัวที่อาจจะไม่เหมือนเดิมมากนัก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตนเลือกทำ ยอมรับว่า มีหลายคนมองว่าตนฝืนธรรมชาติ ซึ่งตนน้อมรับความเห็นต่าง แต่ถ้ามองในมุมของวิทยาศาสตร์ การทำโคลนนิ่งถือเป็นความก้าวหน้าด้านวิทยาการ และหากมองในมุมของตน นี่คือหนทางการนำความรักกลับมา โดยที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร จึงอยากให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของตนเช่นกัน
ในส่วนร่างของพะแพงที่ตายไป ปัจจุบันตนยังคงเก็บและรักษาสภาพศพด้วยการแช่เย็นไว้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาอันสมควร ตนจะฝังร่างไว้ที่บ้านหลังนี้