กระทรวงศึกษาธิการ จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา กับภาคเอกชน และสถานศึกษาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 32 แห่ง แบ่งเป็น โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยุธยา จำนวน 16 แห่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) พระนครศรีอยุธยา เขต 1 จำนวน 9 แห่ง และ สพป.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 จำนวน 7 แห่ง โดยมี ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยผู้บริหารของ ศธ. ผู้บริหารเขตพื้นที่ฯ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและบุคลากรฯ เข้าร่วม ณ โรงเรียนอยุธยานุสรณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กไทยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะเป็นจังหวัดนำร่องสร้างเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนา เนื่องจากเครือข่ายสถานศึกษาทั้งรัฐและเอกชนมีความพร้อม หากมีการนำร่องโครงการดังกล่าวจะเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตนขอฝากผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 36 แห่งร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาที่จะทำอย่างไรให้เด็กนักเรียนของเราเติบโตเป็นคนคุณภาพ พร้อมด้วยสมรรถนะ "ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ" ตามนโยบาย "เรียนดี มีความสุข" ทั้งนี้ ตนคาดหวังว่าเมื่อสร้างความร่วมมือโรงเรียนร่วมพัฒนาแล้ว เราจะขยายคุณภาพของเราให้แก่โรงเรียนอื่นๆ เติบโตไปด้วยกัน โดยอยุธยาจะเป็นต้นแบบที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยต่อไป
ด้าน นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะร่วมกันพัฒนาด้านเทคโนโลยี ทรัพยากร และองค์ความรู้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ภาคเอกชนที่มีศักยภาพได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาไทยที่จะมาขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย ถือเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของการศึกษาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งที่ผ่านมาโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาได้ทำมาแล้วหลายจังหวัดทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดลพบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยครั้งนี้เหมือนพันธสัญญาที่จะมีต่อกันว่าบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ สพฐ. จะมีความร่วมมือเป็นอย่างดีในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เรื่องของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีการศึกษาต่างๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด จะเข้ามาเติมเต็มในการดึงศักยภาพความต้องการของผู้เรียนได้
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางควบคู่ไปกับ การกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนด้วยเล็งเห็นว่า การศึกษา คือ รากฐานของการพัฒนาประเทศ จึงได้มีการริเริ่มโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมกันบริหาร จัดการศึกษา โดยมุ่งหวังให้สถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีศักยภาพรอบด้าน พร้อมเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป
ด้าน นางเนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานกลยุทธ์องค์กรและด้านการศึกษา บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมยกระดับการศึกษา ในฐานะที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ทำมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์อีดี ที่ได้ทำร่วมกับภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง 8 ปีแล้ว และในปีนี้ก็เช่นเดียวกันที่เราจะมาร่วมโครงการสร้างโรงเรียนคุณภาพในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เราต้องการที่จะขับเคลื่อนและยกระดับมาตรฐานการศึกษาไปด้วยกัน ซึ่งโครงการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาได้ดำเนินการผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ ซึ่งตนเชื่อว่าเราจะสามารถดึงเอาพลังสำคัญของยุทธศาสตร์แต่ละด้านมาขับเคลื่อนให้กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่จะเป็นโรงเรียนแม่ข่ายและดึงความร่วมมือต่างๆ ให้กับโรงเรียนที่เกิดขึ้นในเครือข่ายและยกระดับไปทั่วประเทศพร้อมกัน
.
โดย 5 ยุทธศาสตร์ของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาไทย ประกอบด้วย 1. TRANSPARENCY การเปิดเผยข้อมูลสถานศึกษาสู่สาธารณะ มีระบบที่เก็บข้อมูลพื้นฐานโรงเรียนและจัดทำการประเมินคุณภาพโรงเรียนเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการใช้ข้อมูลวางแผนพัฒนาโรงเรียนได้ตรงจุด 2. MARKET MECHANISMS กลไกตลาดและวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม หลังจากที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เห็นข้อมูลโรงเรียน เกิดการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งร่วมกัน 3. HIGH QUALITY PRINCIPALS &TEACHERS การพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน 4. CHILD CENTRIC & CURRICULUM การให้เด็กเป็นศูนย์กลางเสริมสร้างคุณธรรมและความมั่นใจ และ 5. DIGITAL INFRASTRUCTURE การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสถานศึกษา สนับสนุนสื่อและอุปกรณ์ ICT ต่าง ๆ แก่ ครู นักเรียน เพื่อเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้จากทั่วโลก ซึ่งยุทธศาสตร์เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยความสำเร็จในการยกระดับการศึกษา