21 มีนาคม 2568 ที่สภากาชาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หารือถึงการแก้ปัญหาต่างด้าว ในการใช้บริการระบบสาธารณสุขไทย โดยมี นพ.พิชิต ศิริวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์ และประชานามัยพิทักษ์สภากาชาด , นายบุญรักษ์ สรัคคานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและจิดิทัล สภากาชาดไทย , นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข , นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข , นพ.ดิเรก สุดแดน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข , นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้มาขอความชัดเจน ในกรณีที่เรามีปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าว ทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายว่า เราจะบริหารจัดการเรื่องสุขภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับคนไทยอย่างไร มีระบบการตรวจสอบอย่างไร เพื่อสร้างความชัดเจนให้สังคมไทยไม่เคลือบแคลงสงสัย เพราะจะมีคำกล่าวหรือต่อว่าต่อขานเชิงประชดประชันว่า คนไทยถูกแย่งสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งได้ดูในหลักการของสภากาชาดไทยแล้วดีมาก ในเรื่องของไบโอแมทริกซ์ออเทนติกเคชั่นซิสเต็มส์ หรือระบบจดจำใบหน้าและการจำลายม่านตา เพื่อสร้างมาตรฐานการเก็บข้อมูลอย่างแม่นยำ เมื่อถ่ายใบหน้าและม่านตา จะมีการบันทึกในระบบดิจิทัลเพื่อให้รู้ว่า คนนี้เคยมาใช้บริการของโรงพยาบาลแล้ว จะสามารถบรรเทาความยุ่งยากไปได้
ขณะนี้ตัวเลขของต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทย 5 ล้านกว่าคน ใน 5 ล้านกว่าคน เป็นตัวเลขที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายไทย ส่วนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนก็มีจำนวนประมาณ 1 ล้านคน ขอยกตัวอย่างเช่น อำเภอแม่สอด จ.ตาก เราได้ทำระบบถ่ายใบหน้าและลายม่านตาไปแล้ว 7,116 คน คือคนที่อยากให้เรารักษา เป็นเหมือนการลงทะเบียน ถ้าไม่สแกนม่านตา เราจะไม่รักษาให้
“เมื่อดูจากสถิติของแม่สอด มีประชาชนคนไทย 110,000 คน รวมยอดต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในแม่สอดด้วยประมาณ 117,616 คน โดยสรุปหมอที่แม่สอด ต้องดูแลคนไทยและต่างด้าวประมาณ 1: 1400 คน โดยตัวเลขเฉลี่ยของไทยก็ประมาณ 1: 1000 คน ไม่ใช่ 1ต่อ 8000 คน อย่างที่ออกข่าวกันมา"
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อมาเช็กดูแล้วก็มีเพียงเท่านี้ คนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ที่ไม่ได้ถ่ายภาพม่านตาไว้ เราก็ไม่ดูแลรักษาให้อยู่แล้ว ก็ต้องดำเนินการแบบนี้ไปทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ ถ้าขึ้นทะเบียนโดยระบบถ่ายม่านตา เพื่อดูแลระบบสาธารณสุข โรคระบาด เชื่อว่าจะแบ่งเบาความยุ่งยากได้มาก”นายสมศักดิ์ กล่าว