4 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ช่วยหามาตรการแก้ไข และป้องกันการหลอกลวงในการทําศัลยกรรมผ่าตัดซี่โครงเพื่อเสริมจมูก พร้อมทั้งแนบเอกสารในการตรวจรักษาและรับการผ่าตัด และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องมายืนยัน
นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการหลอกลวงในการทําศัลยกรรมของโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง ซึ่งผู้ถูกหลอกเป็นเจ้าของธุรกิจทำสินค้าส่งออกต่างประเทศ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปใช้บริการโรงพยาบาลดังกล่าว ในราคา 250,000 บาท ต้องการที่จะผ่าตัดนํากระดูกซี่โครงด้านขวา มาทําเป็นโครงเสริมดั้งจมูก
แต่ภายหลังพบว่า รูจมูกไม่เท่ากันมีการบิดผิดรูป เมื่อสัมผัสไม่มีความแข็งและเชิดขึ้น จึงได้ไปแก้ไข แต่เมื่อมีการถ่ายคลิปวิดีโอในขณะที่รื้อทําใหม่ กลับตรวจไม่พบกระดูกซี่โครงเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่มีแผลจากการผ่าตัดใต้ราวนมขวา และเมื่อไปที่โรงพยาบาลดังกล่าว ก็ถูกดูแคลนจากเจ้าของโรงพยาบาลว่า ต้องการมาขู่เอาเงิน หิวแสง และได้มีการคืนเงินให้เพียง 240,000 บาท โดยมีการยอมรับว่าไม่ได้ตัดกระดูกไปจริงๆ
ขณะนี้ ผู้เสียหายได้ไปตรวจเอ็กเรย์ และทํา MRI อีกรอบ เพื่อตรวจพิสูจน์และอยู่ระหว่างการยืนยันผลว่า มีกระดูกซี่โครงด้านขวาถูกผ่าออกไปหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ตรวจไม่พบว่า มีกระดูกซี่โครงหายไป ดังนั้นในครั้งนี้จึงต้องตรวจอย่างละเอียด หากพบว่าไม่มีกระดูกซี่โครงหายไป จะได้ดําเนินการฟ้องร้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งต่อไป
สำหรับการมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประธานสภาฯ ช่วยเหลือในการส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดําเนินการ และเพื่อเป็นการแจ้งเตือนอันตรายอันอาจเกิดจากการถูกหลอกลวง จากสถานพยาบาลที่ให้บริการศัลกรรมในลักษณะดังกล่าว ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหา และเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้านสุขภาพของไทย เพราะศัลกรรมศาสตร์ของประเทศไทย ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เป็นจํานวนมาก
“หากเรื่องนี้ได้เผยแพร่ออกไป ประชาชนอาจหันมาสำรวจตัวเองว่า จมูกที่ไปทำมา ที่อ้างว่าใช้กระดูกหลังหู และซี่โครง เป็นของจริงหรือไม่ นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในสังคมไทย เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมาก เอ่ยชื่อออกไปไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นโรงพยาบาลระดับต้น ๆ ของประเทศ การหลอกตัดกระดูกซี่โครง ซึ่งมีแผลผ่าเข้าไปจริง มีรอยเจ็บจริง แต่เอ็กซเรย์แล้วกระดูกไม่ได้หายไปจริง จมูกที่ทำก็ไม่มีกระดูกเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นเพียงซิลิโคนเท่านั้น ทั้งที่โรงพยาบาลนี้ระบุว่าต้องใช้กระดูกเท่านั้น และต้องไม่มีซิลิโคน 100% ขณะนี้ผู้เสียหายที่มาร้องกับผมมีคนเดียว แต่เมื่อข่าวออกไปก็อาจจะมีเพิ่มก็ได้ แต่ผมก็ขอให้มีผู้เสียหายเพียงรายเดียวพอ” นายแทนคุณ กล่าว
ด้านนายคัมภีร์ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าว เรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการส่งมอบให้กับคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้คดีนี้ได้นำไปสู่ความสำเร็จที่จะต้องเยียวยากับผู้ที่รับความเดือดร้อน