ไม่มีใครในโลกนี้ไม่เคยโกหก ทั้งโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ โกหกเพื่อความสบายใจ ของคนที่เราแคร์ หรือโกหกใหญ่ ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่รู้ไหม แม้การโกหกนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี และไม่ควรกระทำ แต่ก็ได้รับความสำคัญ ถึงขนาดมีการกำหนดให้มี "วันโกหก" หรือ วันเมษาฯ หน้าโง่ หรือ April Fools' Day กันเลยทีเดียว
Nation STORY จะพาไปรู้จัก "วันโกหก" หรือ วันเมษาฯ หน้าโง่ หรือ April Fools' Day ว่า มีความสำคัญ และความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่เว้นแต่ประเทศไทยของเรา
ความเป็นมาของ "วันโกหก" มีเรียกว่า "วันเมษาฯ หน้าโง่" หรือ April Fools' Day นั้น เริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศส ในยุคศตวรรษที่ 16 ตอนนั้นชาวฝรั่งเศส มีวันปีใหม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน กระทั่งมาถึง ค.ศ.1562 โป๊ป เกรกอรี จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลก ฉลองวันปีใหม่พร้อมกันวันที่ 1 มกราคม
คราวนี้สมัยก่อน ข่าวสารไม่ได้กระจายรวดเร็วเหมือนสมัยนี้ คนบ้านนอกของฝรั่งเศส บางกลุ่มยังไม่รู้ แถมบางคนได้ยินแล้วก็ยังไม่เชื่อ เลยฉลองวันปีใหม่กันวันที่ 1 เมษาฯ หมือนเดิม ทำให้พวกไม่ตก ยุคเย้ยหยันพวกตกยุคว่า "หน้าโง่" แถมยังพยายามจะแกล้งหลอกคนกลุ่มนี้ เพื่อความสนุกสนานอีกด้วย
จากนั้น วันที่ 1 เมษาฯ ก็เลยกลายเป็นวันที่คนแกล้งหลอกกัน ด้วยการแต่งเรื่องอะไรก็ได้ มาหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลยในตอนท้าย ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้น จะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่า วันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน
บางทฤษฎีเล่าว่า วันโกหกนี้เริ่มจากพวกโรมันโบราณ มีเทศกาลที่เรียกว่า "Cerealia" จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Prosperpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อนเนี่ย เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง
นอกจากนี้มีอีกทฤษฎีที่เชื่อว่า วันโกหกเกิดจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีคำกล่าวที่ว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวจะออกตามหาความรัก และเป็นช่วงที่พืชเจริญเติบโต สัตว์ต่าง ๆ หาคู่ด้วยและในเดือนนี้ (เมษายน) พวกนักบวชจะพยายามหลอกล่อ วิญญาณของความชั่วร้ายอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มันมาขัดขวางความรักของทั้งหนุ่มสาว พืช และสัตว์ ดังนั้นจึงเป็นเดือนที่นักบวช จะต้องสวดเพื่อล่อวิญญาณร้าย ซึ่งวิธีนี้เริ่มขึ้นในอเมริกา และเผยแพร่ไปที่อังกฤษ และลามเข้าไปในประเทศอื่น ๆ
หัวใจ ของการโกหกในวัน April Fool Day คือ ความตลก โดยเรื่องที่โกหกต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ไม่ทำอันตรายให้คนอื่น ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่เกี่ยวกับความเป็นความตาย เพราะฉะนั้น กลอุบายที่ยอดเยี่ยมที่สุดจะต้องทำให้ทุกคนหัวเราะได้ โดยเฉพาะคนที่ตกเป็นเหยื่อ
"April Fool's Day" กับประเทศไทย
ทั้งนี้แม้ April Fool’s Day จะวันที่เริ่มต้นจากโลกตะวันตก แต่สำหรับ "พี่ไทย" แล้ว มีหรือที่จะไม่ร่วมด้วย โดยในประเทศไทย วันดังกล่าวมักจะเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อย ออกมาอำกันผ่านมุกตลกต่าง ๆ ซึ่งในอดีตอาจจะเป็นการพูดปากต่อปาก แต่ปัจจุบันมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย มาใช้ในวัน April Fool’s Day กันมากขึ้น
นั่นทำให้การใช้สื่อโซเชียลในการนำมาเล่นสนุกในเทศกาล April Fool’s Day ในประเทศไทย เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจากประเทศไทยมีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยเตือนว่า "ในวันที่ 1 เม.ย. ของทุกปี เป็นวัน April Fool's Day หรือ "วันโกหก" เป็นธรรมเนียมของฝรั่งจะเล่นมุกตลก และเรื่องหลอกลวงต่อกัน พี่น้องประชาชนอาจนึกสนุกโพสต์หรือแชร์ข้อมูล ที่เป็นเรื่องหลอกลวง แล้วออกมาเฉลยในวันต่อมา โดยไม่ถือโทษโกรธกัน
แต่ปัจจุบัน มีพี่น้องประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จึงขอเตือนว่า อย่าโพสต์หรือแชร์เรื่องราวอะไรที่ไม่เป็นความจริง แล้วมาอ้างว่า เป็นการล้อเล่นในวันโกหก เพราะอาจเข้าข่ายลักษณะข่าวปลอม (Fake News) ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ได้รับความอับอาย หรือให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ซึ่งในเรื่องนี้มีกฎหมายควบคุมอยู่อย่างชัดเจน จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากจะร่วมสนุกด้วยการโกหก ก็ขอให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และไม่ละเมิดกฎหมาย
จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังในการโพสต์หรือแชร์ข่าวต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย ว่ามีโทษจำคุกและเสียค่าปรับ ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน
มาตรา 14 (2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
มาตรา 14(5) ผู้ใดเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวข้างต้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า "วันโกหก" หรือ วันเมษาฯ หน้าโง่ หรือ April Fools' Day ทุกคนสามารถร่วมสนุกกับเทศกาลนี้เพื่อสร้างความสนุกสนานได้ แต่การโกหกต้องไม่ทำให้ผู้อื่น ได้รับความเดือดร้อน หรืออันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงจะต้องระมัดระวังการทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่เช่นนั้น การโกหกครั้งนี้ แทนที่จะเป็นเรื่องตลก อาจกลายเป็นตลกร้าย สำหรับตัวผู้ที่โกหกนั่นเอง