21 กุมภาพันธ์ 2566 ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อ.ปัว จ.น่าน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด พากันขึ้นไปชมความสวยงามของ "ดอกชมพูภูคา" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้สุดหายากของโลก เคยพบในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ก่อนจะสูญพันธุ์ไป และมีการค้นพบอีกครั้งในประเทศไทย ที่ดอยภูคา อ.ปัว จ.น่าน
ทั้งนี้ ดอกต้นชมพูภูคา มีดอกสีชมพู อมขาว พบแห่งเดียวที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งในพื้นที่เขตอุทยานมีสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยเฉพาะที่ยอดดอยภูคา โดยต้นชมพูภูคาจะมีช่อดอกสีชมพู ซึ่งในรอบหนึ่งปี จะออกดอกสีชมพูเป็นช่อสวยสดใส เฉพาะในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมของทุกๆ ปี
แต่ปัจจุบันสภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา มีความชื้นและอากาศเย็น ซึ่งในปีนี้คาดว่า ดอกชมพูภูคาน่าจะออกดอกมากกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจะยาวนาน และคาดว่านักท่องเที่ยวสามารถชมดอกชมพูภูคาบานไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม 2566
โดยเจ้าหน้าที่อุทยาน ได้นำกล้องส่องทางไกลมาติดตั้ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ส่องชมดอกชมพูภูคา และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ก่อนพากันเที่ยวชื่นชมความงามของธรรมชาติบนอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่า อีกทั้ง ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ และพันธุ์ไม้หายากหลายชนิด เนื่องจากบางต้นกำลังแทงช่อออกตามลำกิ่ง
ส่วนดอกชมพูภูคานั้น จะออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง ตัวดอกมีสีชมพู เมื่อบานดอกจะชิดกันแน่น ทำให้ดูเป็นพุ่มสวยงาม ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา และอีกจุดหนึ่ง คือ อยู่บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร
นายฉัตรชัย โยธาวุธ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา กล่าวว่า ขอเชิญนักท่องเที่ยว ได้มายลโฉมดอกชมพูภูคาบาน ซึ่งในช่วงนี้ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 11-13 องศาฯ ช่วงกลางวันอุณหภูมิ จะอยู่ที่ 14-17 องศาฯ เท่านั้น ขอเชิญนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสความสวยงามของดอกชมพูภูคาได้ โดยทางอุทยานฯ มีบริการที่พักและลานกลางเต็นท์ให้
ขอบคุณภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)