30 กรกฎาคม 2564 ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงความคืบหน้า วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ว่า กระทรวงสาธารณสุขจะแบ่งการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้ 4 กลุ่ม คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู่ป่วยโควิด-19ทั่งประเทศ
โดยจะเป็นการฉีดเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิ จำนวน 7 แสนโดส โดยมีการสำรวจรายชื่อจากที่โรงพยาบาลต่างๆส่งมาจากนั้นกระทรวงสาธารณสุขโดยมีคณะทำงาน ที่มี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานก็จะมีการ กระจายวัคซีนไปตามโรงพยาบาลเป้าหมายต่างๆ
การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อให้บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขมีภูมิคุ้มกันมากขึ้นเนื่องจาก มีบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขจำนวนไม่น้อยมีการติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่ถึงแม้ว่าจะเป็นการติดเชื้อในครอบครัว แต่เวลาไปทำงานจะทำให้บุคลาทางการแพทย์คนอื่นกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจนทำให้ต้องกักตัว และทำให้การผู้ป่วยโรคอื่น ผู้ป่วยโควิด มีประสิทธิภาพลดลง
กลุ่มที่ 2 ผู้สูงอายุ และ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรั้ง และหญิงตั้งครรภ์ ในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตั้งเป้าจำนวน 645,000 โดส
กลุ่มที่ 3 เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ได้รับบริจาคจึงมีนโยบายต้องฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยเน้นเป็นกลุ่มผู้สูงอายุผู้ป่วยเจ็ดโรคเรื้อรังและ หญิงตั้งครรภ์รวมถึงคนไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศนักเรียนนักศึกษาตั้งเป้ากลุ่มนี้ 150,000 โดส
กลุ่มที่ 4 สำหรับการทำศึกษาวิจัยโดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรมจำนวน 5,000โดส
สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ใน1ขวดต้องผสมน้ำเกือตามสูตรจะได้วัคซีน 6 โดส ฉีดเข็ม2ห่างกัน3สัปดาห์ วัคซีนนี้นี้สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปส่วนการเก็บรักษาวัคซีนต้องเก็บในอุณหภูมิ -90 ถึง -60 องศาเซลเซียส อยู่ได้นาน6เดือนหากเก็บในอุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียสวัคซีนจะอยู่ได้นาน 1 เดือน
ขั้นตอนหลังจากนี้ ซึ่งได้รับวัคซีนมาแล้ว จะมีการนำตัวอย่าง วัคซีนตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยที่กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ซึ่งได้นำส่งไปแล้ว คาดว่า วันที่ 2 สิงหาคม จะได้รับผลตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ต่อมท วันที่ 3-4 สิงหาคม จะให้บริษัทจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อตรวจสอบว่าวัคซีนที่ส่งไปมีคุณภาพตามมาตรฐานที่ได้กำหนดหรือไม่
ในวันที่ 5-6 สิงหาคมจากนั้นจะเริ่มการจัดส่งวัคซีน ล็อตแรกซึ่งจัดเป็นเข็มกระตุ้นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเข็มหนึ่งสำหรับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายไปยังหน่วยบริการ
วันที่ 7-8 สิงหาคม 2564 โรงพยาบาลเตรียมความพร้อมในการฉีด // และวันที่ 9 สิงหาคมหน่วยบริการเริ่มฉีดวัคซีนและหลังจากนั้นถึงเป็นขั้นตอนดำเนินการจัดส่งวัคซีนเข็ม2 ห่างกัน 3สัปดาห์ คาดว่าปลายเดือน สิงหาคม จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบ 1.5 ล้านโดส
นพ.โอภาส ระบุถึง ข้อมูลการกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแบบผสมสูตร SA ซึ่งมีข้อมูลทางวิชาการจากหลายแหล่งพบว่าการให้วัคซีนต่างชนิดกันพอดีคือทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้เร็วและ มีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันสูงกว่า ยังทำให้การฉีดวัคซีนครบสองเข็มให้ประชาชนทำได้เร็วขึ้นกว่าแบบเดิม
ส่วนแผนการกระจายวัคซีนในช่วงเดือนสิงหาคมได้มีแนวนโยบายกระจายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเน้นให้แต่ละจังหวัดกระจายฉีดกับกลุ่มเป้าหมายครั้งผู้สูงอายุผู้ป่วยโรคเรื้อรังเจ็ดโรคหญิงตั้งครรภ์รวมถึงการฉีดในพื้นที่ซึ่งพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน และพื้นที่ซึ่งเป็นเป้าหมายพิเศษอย่างเช่นพื้นที่การท่องเที่ยว