13 มกราคม 2568 ความคืบหน้ากรณีแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน ติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน กำลังสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างรุนแรง หลังจากเพจ “คุณลุงไอที” ได้ออกมาเปิดประเด็น มีแอปฯ กู้เงินเถื่อนที่ชื่อ ‘Fineasy’ และ ‘สินเชื่อความสุข’ แอบติดตั้งมาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ Realme โดยที่ผู้บริโภคไม่ได้ยินยอมและพบว่า แอปฯ เหล่านี้ไม่สามารถถอนการติดตั้งหรือปิดใช้งานได้ง่ายดาย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว และอาจสร้างความเสียหายทางการเงินแก่ผู้บริโภค
ล่าสุดวันนี้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม รวมถึงเรียกผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือทั้งสองยี่ห้อเข้ามาให้ข้อมูลเพื่อชี้แจง โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ (สกมช. )และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ (สคส.) เข้าร่วมด้วย
ขณะเดียวกันทาง บริษัทผู้จัดจำหน่าย โทรศัพท์มือถือทั้งสองยี่ห้อได้ส่งตัวแทนเข้า บริษัท โพส เซซี่ กรุ้ป จำกัด ตัวแทนนจำหน่ายมือถือ Oppo ส่งตัวเเทนเข้ามาร่วมฟัง 8 คน มีทั้ง CEO เเละ ฝ่ายกฏหมาย เช่นเดียวกับ บริษัท โปรทา จำกัด (สาขา) ตัวแทนนผู้นำเข้ามือถือ Realme ส่งเซลพีดี เเละ ฝ่ายโปรดักส์สินค้า เข้ามาชี้เเจง
เลขาธิการ สกทช. ชี้เเจงถึงบทบาท หน้าที่ของ กสทช. ว่า มีหน้าที่ในการตรวจสอบ อุปกรณ์ การใช้งานให้เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น การใช้คลื่นความถี่ ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ จากนั้นได้สอบผู้จัดจำหน่าย ถึงการติดตั้งเเอปพลิเคชั่นดังกล่าว ว่าเเอปที่ติดมาในมือถือ ที่ไม่ใช่การบริการพื้นฐาน เเอปกู้เงิน มันมาได้อย่างไร หรือ ให้ผู้ขายนำ ไปโหลดก่อนขายให้ประชาชน
อีกคำถาม เลขาธิการ กสทช. ถามว่า การติดตั้งได้ขออนุญาต ธปท.หรือไม่ ในการปล่อยเงินกู้ ซึ่งนาย แพททริก ตัวเเทน ยอมรับว่า App ติดตั้งมาก่อนจำหน่าย ติดตั้งมาตั้งเเต่โรงงาน เพื่อให้ผู้ใช้ มีฟังก์ชัน สะดวกต่อการใช่งานการให้บริการ ด้านการเงิน ส่วนเรื่องของ ขออนุญาติธนาคารเเห่งประเทศไทย ไม่ได้ขออนุญาติ เพราะเป็นไลฟ์สไตล์ ติดตั้งมาตั้งแต่โรงงาน เป็นเรื่องเดียวกับไลฟ์สไตล์ ไม่ใช้แอปฯ เงินกู้
พันตำรวจเอกสุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เปิดเผยหลัง การประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ระบุว่า ได้ข้อสรุปหลังเรียก 2 บริษัทตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า หลังจากนี้จะมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ หรือ ซอฟต์แวร์ผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ ส่งลิงก์ไปยังมือถือลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถลบแอปพลิเคชัน fineasy ได้ทันที โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์ ส่วน สินเชื่อความสุข ดำเนินการถอนการติดตั้งได้ทันที
สำหรับมาตราการเร่งด่วน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสินค้าที่จะจำหน่ายไม่ว่ารุ่นไหน หากมีเงินกู้เถื่อนติดตั้งอยู่ ให้หยุดจำหน่ายทันที เเละให้ปรับปรุงตัวเครื่องไม่ให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้ แต่ถ้ามีการจำหน่าย เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์แจ้งให้ลบทิ้ง ได้เช่นกัน ถือเป็นการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่ถ้าพบว่าละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล จะดำเนินคดี และมีความผิดทางปกครองทางอาญา เป็นรายกรณีไป
เบื้องต้น OPPO และ Realme ขอเวลาในการตรวจสอบและแก้ไข 1 เดือน แต่ กสทช.มองว่าช้าเกินไป ให้รายงานความคืบหน้าภายในวันที่ 16 มกราคมนี้ สำหรับเครื่องโทรศัพท์มือถือที่จำหน่ายอยู่และมีแอปฯ ดังกล่าวอยู่นั้น จะใช้วิธีการอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อถอนการติดตั้ง ส่วนเครื่องเก่าๆ เรากำลังตรวจสอบและทำตารางชี้แจงว่า มีจำนวนกี่เครื่อง และใช้ระยะอัปเดตเพื่อถอนการติดตั้ง ใช้เวลาแก้ไขนานขนาดไหน
ด้านตัวแทน OPPO บอกว่า จากการตรวจสอบพบว่าแอปฯ นี้มีการติดตั้งมาจากโรงงาน แต่ขอไปตรวจสอบก่อนว่าเป็นฝั่งจีนหรือไทย แต่เบื้องต้น OPPO และ Realme เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายจากประเทศจีน และพบว่าในตัวเครื่องติดตั้งในรุ่นโทรศัพท์มือถือที่จำหน่ายตั้งแต่ปี 2566
ส่วนที่มีข่าวว่า พบผู้เสียหายเข้าไปใช้บริการแอปฯ เงินกู้ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร ตัวแทนของ OPPO บอกว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง พร้อมตรวจสอบตามกระบวนการทางกฎหมาย
มีรายงานว่า สำหรับ Oppo เเละ Realme ในต่างประเทศผู้ผลิตที่จีน Oppo เเละ Realme จะเป็นบริษัทเดียวกัน เเต่สำหรับไทย จากการตรวจสอบทั้งสองบริษัทมีสำนักงานอยู่ในอาคารเดียวกัน คือ ย่านรัชดาภิเษก
พันตำรวจเอก สุรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้หากพบว่า มีผู้เสียหายก็สามารถร้องเรียนไปได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ส่วนเจ้าของแอปฯ ที่เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ ให้ตัวแทนทั้งสองบริษัทไปตรวจสอบมาว่าเป็นใคร รวมถึงให้ OPPO บริษัทแม่ที่ประเทศจีนไปตรวจสอบแอปฯ ตัวนี้ว่านำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อหรือไม่
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.) จะมีการประชุมหารือเกี่ยวกับความผิดทางอาญา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนข้อมูลดังกล่าวจะหลุดไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ตัวแทนทั้งสองบริษัทยืนยันว่า มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอย่างเต็มที่