2 มกราคม 2568 ภายหลังปรากฎข้อมูลทางโซเชียล ที่มีการจัดอบรมอาสาตำรวจให้กับชาวจีน และมีการมอบประกาศนียบัตร และรวมถึงบัตรสมาชิกแจ้งเหตุอาชญากรรมและงานจราจร สัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 และมีลายเซ็นของ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาลัยสยาม และ ลายเซ็นของ พ.ต.อ.นิเวชร์ งามลาภ ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เซ็นรับรองไว้
ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวีตรวจสอบเรื่องนี้ โดยลงพื้นที่ ไปยัง กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 พบกับ พ.ต.อ.นิเวชร์ งามลาภ ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดย พ.ต.อ.นิเวชร์ ชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า เรื่องการอบอรมนักศึกษาแจ้งข่าวอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 25-27 ธ.ค.67 ทางตำรวจได้รับการประสานงานมาจากมหาวิทยาลัยสยาม ให้ช่วยแนะนำแนวทางป้องกันตัวเองของนักศึกษาชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน
ซึ่งหลักสูตรนี้ มหาวิทยาลัยสยามเป็นคนจัด และประสานมาทางรองผู้กำกับสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เพราะมีความรู้จักกัน เพื่อขอให้คำแนะนำโครงการในการอบรมให้ความรู้ด้านกฎหมายเบื้องต้นว่า จะให้ความรู้แบบไหนกับนักศึกษาได้ และมีการติดต่อทำหนังสือเชิญไปเป็นที่ปรึกษาชัดเจน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นประโยชน์ เพราะปกติแล้ว ตำรวจต้องเป็นคนหาทุนจัดอบรมหลักสูตรพวกนี้ แต่ครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยใช้งบประมาณจัด สถานที่ อบรมให้ และตำรวจเพียงแค่ให้แค่คำแนะนำ จึงได้ให้ความรู้ไป
ส่วนกรณีที่มหาวิทยาลัยสยาม อยู่คนละพื้นที่รับผิดชอบของ กองบังคับการตำรวจนครบาล3 นั้น พ.ต.อ.นิเวชร์ ระบุว่า เรื่องคนละพื้นที่ ไม่จำเป็น เพราะแล้วแต่ว่าทางมหาวิทยาลัย จะเชิญวิทยากรจากส่วนไหนที่คุ้นเคยรู้จักกันก็ สามารถทำได้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจในพื้นที่
ส่วนการมอบประกาศนียบัตร เป็นของทางมหาวิทยาลัยดำเนินการ เพราะมีอบรมหลักสูตรแค่ 3 วัน ในเรื่องของการป้องกันตัวเองและกฎหมายการจราจร ไม่ให้นักศึกษาตกเป็นเหยื่อในกลุ่มอาชญากรรม
ทั้งนี้ช่วงที่มีการอบอรม ตำรวจไม่ได้เป็นฝ่ายไปอบรมให้ เพราะส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ อาจจะไม่สามารถสื่อสารได้เข้าใจ แต่ได้ให้คำปรึกษากับทางมหาวิทยาลัย ให้ข้อมูล คำแนะนำว่า จะต้องอบรมเรื่อง การจราจร แบบไหน /ช่องทาง เวลาพบเบาะแส สามารถติดต่อแจ้งความกับที่ไหนได้
ส่วนทำไมต้องเป็นนักศึกษากลุ่มนี้ พ.ต.อ.นิเวชร์ ระบุว่า ก็เพราะมหาวิทยาลัยจัดอบรม และนักศึกษาเป็นของมหาวิทยา และเป็นนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด ซึ่งตนไม่ทราบการคัดกลุ่มนักศึกษา
ทั้งนี้ ชาวจีนสามารถอบรมเป็นอาสาได้หรือไม่นั้น พ.ต.อ.นิเวชร์ ระบุว่า เท่าที่ทราบไม่มีระเบียบห้าม และอันนี้เป็นนักศึกษาที่เข้ามาเรียนในเมืองไทย และอาจารย์มหาวิทยาลัยก็เป็นห่วง เพราะมีชาวจีน ชาวต่างชาติมาเที่ยว แล้วตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม เลยให้จัดโครงการนี้ขึ้นมา และให้ตำรวจช่วยแนะนำให้หน่อย ซึ่งทางตำรวจเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม จึงให้คำแนะนำไป
พ.ต.อ.นิเวชร์ ยืนยันว่า ประกาศนียบัตร ตนเองเซ็นรับรองให้จริง “พอเขาอบรมเสร็จ เขาก็ฝากรบกวนเซ็นรับรองหน่อยว่านักศึกษาพวกนี้ผ่านการอบรม ในการแจ้งข่าวอาชญากรรม ก็เป็นเหมือนการอบรมตามโรงพักทั่วๆ ไป ในกลุ่มเครือข่ายอาสาแจ้งข่าวอาชญากรรมให้กับการทำงานของตำรวจ”
ส่วนบัตรตำรวจ สัญลักษณ์ของตำรวจนั้น ตนไม่ทราบว่ามีการไปออกแบบหลักสูตรอย่างไร ว่าจะได้อะไรบ้าง แต่มองว่า ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะไม่ได้ไปแอบอ้างอะไรให้เสียหาย เนื่องจากเป็นแค่สมาชิกแจ้งข่าว
ทั้งนี้เมื่อมีการมอบใบประกาศนียบัตรที่มีสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้นทางตำรวจ ก็จะต้องประสานไปที่มหาวิทยาลัยว่า มีการนำไปใช้อะไรหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้แจ้งว่าจะมีการใช้ตราสัญลักษณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
ส่วนกรณีค่าหลักสูตรการอบรม 38,000 บาท พ.ต.อ.นิเวชร์ ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเลยส่วนนี้เลย เป็นทางมหาวิทยาลัยดำเนินการกันเอง ทางตำรวจให้คำแนะนำอย่างเดียว และย้ำว่า มีการทำหนังสือขอความร่วมมือมา ซึ่งหากที่อื่นๆต้องการจัดอบรม ตำรวจอาสา ตำรวจก็สามารถให้คำแนะนำเพื่อไปอบรมได้ เหมือนสมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมทั่วไป
ส่วนกังวลหรือไม่ ถ้ามีการเอาบัตร เอาสัญลักษณ์ตำรวจไปแอบอ้างนั้น พ.ต.อ.นิเวศร์ ระบุว่า บัตรนี้ออกมาเพื่อแสดงให้รู้ว่าผ่านการอบรม ว่าเป็นสมาชิกที่คอยแจ้งข่าวให้ตำรวจ เท่านั้น จะเอาไปใช้แอบอ้างที่ไหนไม่ได้ หากมีการเอาไปแอบอ้างก็คงต้องทำการตรวจสอบ
ผู้กำกับสืบสวนฯ ยังเล่าให้ฟังด้วยว่า วันที่เริ่มอบรม ตนเองเข้าไปสังเกตุการณ์ ก็พบว่ามีนักศึกษาอบรมประมาณ 20-30 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และบุคคลที่มอบประกาศนียบัตร ที่ปรากฎในภาพ ก็คือ รองผู้กำกับสืบสวน บก.น.3 คนที่ทางมหาวิทยาลัยประสานงานมาตามหนังสือที่ระบุไว้ เป็นตัวแทนมอบประกาศนียบัตร หลังอบรมจบหลักสูตร ซึ่งก็เหมือนการมอบประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรต่างๆทั่วไป
เปิดหนังสือ ม.สยาม ขอ ตำรวจสืบสวน บก.น.3 อบรม อาสาตำรวจ ให้ นศ.จีน
ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ยังได้หนังสือเชิญเพื่อขอคำแนะนำจากทางมหาวิทยาลัยด้วย
โดยหนังสือฉบับนี้ ลงวันที่ 13 ธ.ค.2567 ระบุหัวเรื่อง ‘โครงการฝึกอบรมนักศึกษานานาชาติ’ เรียนถึงผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 พร้อมกับรายบะเอียดแบบร่างของโครงการอบรม ที่ระบุเหตุผลว่า มหาวิทยาลัย ได้ทำการรับนักศึกษาต่างชาติ คณะ Siam Global Innovation Academy เข้ามาเป็นนักศึกษาจำนวนมาก โดยเฉพาะนักศึกษาชาวจีน รวมทั้งครอบครัวที่ติดตามมาดูแลบุตรหลาน ซึ่งอาจจะไม่คุ้นเคยกับความเป็นอยู่ของวัฒนธรรมกฎหมายของประเทศไทย บางครั้งอาจจะทำให้ตัวนักศึกษาทำผิดกฎหมาย หรือถูกล่วงละเมิดเสียเอง เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ และไม่มีที่ปรึกษาที่จะให้คำแนะนำที่ถูกต้อง โดยปัญหาที่มักพบบ่อย คือ ปัญหาการทะเลาะวิวาท ยาเสพติด ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร หรือการถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่
มหาวิทยาลัย ทราบว่า ตำรวจในสังกัดของท่าน หรือหน่วยงานใกล้เคียง มีความรู้ความสามารถ มีทักษะที่จะให้ความรู้กับนักศึกษาได้เป็นอย่างดี จึงได้จัดทำร่างโครงการฝึกอบรมรุ่นที่ 1 จำนวนผู้เข้าฝึกอบรม 30 คน โดยมีเนื้อหาความรู้ครอบคลุมเรื่องอาชญากรรมทั่วไป ความผิดที่เกิดต่อร่างกาย ทรัพย์สิน สวัสดิภาพ และการป้องกันตัวเอง การให้ความรู้กฎหมายเบื้องต้น ความรู้ด้านการจราจร ทักษะการป้องกันตัว การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เป็นสมาชิกผู้แจ้งข่าวในการเกิดเหตุอาชญากรรมขึ้น โดยผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ รวมทั้งขอความอนุเคราะห์ จัดวิทยากรพิเศษ จัดบรรยาย โดยมี พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ ช่วยวงศ์ รองผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เป็นผู้ประสานงานและผู้ร่วมพัฒนาโครงการ
โดยทางมหาวิทยาลัยสยาม เป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการอบรมทั้งหมด และจัดอบรมในพื้นที่มหาวิทยาลัย
ลงชื่อ ผู้ช่วยธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม