svasdssvasds
เนชั่นทีวี

โซเชียล

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด "โพสต์อุทาหรณ์" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิดโพสต์อุทาหรณ์ สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้ ด้าน"หมอแล็บแพนด้า" โพสต์เตือน น้องคนนี้ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ "ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต" โพสต์เตือน "บิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์"

จากกรณีที่ "ผิง ชญาดา" นักร้องสาว ค่าย กีตาร์เรคคอร์ด โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊ก "ผิง ชญาดา (ผิงชญาดา กีตาร์เรคคอร์ด)" เมื่อ 5 พฤศจิกายน 2567 โดยระบุว่า 

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

หนูไม่รู้จะเริ่มยังไงดี คนทักถามเยอะมากว่าเป็นอะไร คืองี้หนูไปนวดที่ๆหนึ่งมาค่ะ ในอุดร

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

 

 

 

อาการตอนก่อนไปนวดคือหนูปวดแค่ไหล่เฉยๆค่ะ หนูไปนวดครั้งแรกอาการตอนนวดเสร็จปกติค่ะ ผ่านมา 2 วันหนูเริ่มปวดท้ายทอย หนูนึกว่าเป็นอาการปวดของการนวดปกติ (มีบิดคอนะคะ) 

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

หลังจากนั้นหนูกินยาระงับอาการค่ะผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ หนูเริ่มมีอาการชาลงแขนค่ะ ไปนวดอีก หมอคนเดิมห้องเดิม รอบนี้ (บิดคอ) อีกนะคะ ผ่านไป 2 สัปดาห์ หนูเริ่มปวดตึงมากๆมากๆค่ะ จนนอนหงายคว่ำไม่ได้

แต่แม่หนูเป็นหมอนวด หนูเรียนนวดมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ หนูชอบนวดมาก หนูยังไม่เอะใจอะไรค่ะ นึกว่าเป็นเอฟเฟคจากการนวดอีก (ปวดตัวแบบนี้) 

หนูไปอีกค่ะ ห้องเดิม เบอร์เดิม แต่เป็นคนใหม่คนนี้นวดแรงบวมช้ำอยู่เป็นสัปดาห์ (ไม่ใช่คนที่บิดคอนะคะ) มีล้วงใต้ราวนม (จั๊กแร้) ค่ะ หลังจากนั้นหนูกินยา เพื่อบรรเทาอาการมาตลอดค่ะ

เริ่มมีอาการไฟซ๊อตไปปลายนิ้วค่ะ คันมากจนอยากตัดมือทิ้ง ร้อนๆหนาวๆตลอดเวลาค่ะ ก้มแล้วร้าวลงขา ซีกขวา รู้ว่าตัวเองชาก็ตอนทาโคโลนหลังจากรอบที่ 3 ที่ไปนวดค่ะ เริ่มรามไปท้อง ราวนม อาการชาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ 

ผ่านไปอีก 2 อาทิตย์ แขนขวาหนูเริ่มยกไม่ได้ค่ะ(อ่อนแรง) จนถึงตอนนี้ร่างกายหนู ใช้งานได้ไม่ถึง 50% ค่ะ หนูมาเล่าเพราะมีคนถามมาเยอะ อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับใครที่ชอบนวดมากๆนะคะ หนูจะต้องหายค่ะ หนูทรมานมาก อยากทำงานแล้วค่ะ แต่ตอนนี้รอแค่เวลา ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

 

 

 


"หมอแล็บแพนด้า" โพสต์เตือน น้องคนนี้ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว

 


8 ธันวาคม 2567 เพจเฟสบุ๊ก "หมอแล็บแพนด้า" โพสต์ข้อความ ระบุว่า

 

น้องคนนี้มีอาการปวดไหล่ แล้วเป็นคนติดนวดมาก ก็เลยไปนวดที่อุดร ในขณะที่นวด หมอนวดมีการทำท่าบิดคอด้วย ต่อมาน้องเริ่มขยับไม่ได้ ต้องนอนติดเตียง และล่าสุดเสียชีวิตแล้ว

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

 


ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ พร้อมรีโพสต์เพจของ "ผิง ชญาดา" เพื่อเตือนและเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆคนที่ชอบนวด

 

 

 

 

"ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต" โพสต์เตือน "บิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์"

 

 

นอกจากนี้เพจเฟสบุ๊ก "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เตือนว่า 

 

 

สุดช็อก!! “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต เปิด \"โพสต์อุทาหรณ์\" สาเหตุเกิดจากเรื่องนี้

 

 

 

บิด สะบัดคอ ระวังอัมพฤกษ์

 

เรื่องใกล้ตัวที่เป็นท่าบริหารประจำหรือที่ทำ เวลาเมื่อย หรือเป็นกระบวนการในการนวดคลายเมื่อย ดัดเส้น รวมทั้ง เป็นกรรมวิธีในการบำบัดทางกายภาพและจัดกระดูก ซึ่งถ้าไม่ระวังจะ เพิ่มความเสี่ยงอันตรายต่อการที่ผนังเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะคู่หลังเกิดการฉีกขาดและทำให้เกิดเนื้อสมองตายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

 

ความจริงเรื่องเกี่ยวกับ “คอ” เป็นที่สังเกตระวังกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว จากการสำรวจข้อมูลจากหมอทางสมองในสหรัฐฯว่าในช่วงเวลา 2 ปี ว่ามีใคร เคยประสบพบคนไข้ที่มีอาการอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดสมองตีบภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากที่คนไข้ผ่านกรรมวิธีจับ ดัด ปรับกระดูกคอหรือไม่

หมอสมอง 177 คน รายงานว่าเคยเจอผู้ป่วย 55 รายเข้าข่ายกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ โดยที่คนไข้มีอายุระหว่าง 21 ถึง 60 ปี หลังจากมีการบิดดัดคอ และเป็นผลต่อเส้นเลือดสมองโดยเฉพาะคู่หลัง เกิดตันตีบ 

 

ซึ่งตัวหมอเองก็มีคนไข้ที่หมุนคอเป็นประจำวันละ 3 เวลา ครั้งละ 30 รอบเป็นปี นัยว่าทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง ฝึกการทรงตัว วันหนึ่งเกิดเรื่องขณะยืนข้างถนน หันหน้าจะไปเรียกรถแท็กซี่ปรากฏเป็นอัมพาตซีกซ้าย อีกสักพักค่อยๆดีขึ้น พอมีแรงลุกขึ้น หันหน้าไปอีกด้าน มีอ่อนแรงซีกขวา ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือน และการตรวจเส้นเลือดด้วยการฉีดสี ยืนยันมีผนังเส้นเลือดฉีกขาดจริงและเลือดไหลเซาะเข้าในผนังเส้นเลือด ทำให้รูเส้นเลือดตัน อีกทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดขรุขระ เกิดการเกาะของตะกอนเลือด ซึ่งหลุดลอยไปอุดเส้นเลือดได้อีกต่อ

 

สมองของเรามีเส้นเลือดไปเลี้ยง 2 คู่ คู่หน้าสามารถคลำได้ตุบๆที่คอด้านหน้าซึ่งไปเลี้ยงสมองหน้าผากขมับ 2 ข้าง รวมทั้งสมองส่วนลึกลงไปทางด้านใน เส้นเลือดคู่หลังร้อยผ่านกระดูกก้านคอ และเลื้อยผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพ สมองน้อยด้านหลัง คุมการทรงตัว ก้านสมองซึ่งควบคุมประสาทสมองรวมการเคลื่อนไหวลูกตา คุมการรับรู้สึกตัว การเคลื่อนไหวแขนขา 

 

การสะบัดคอแรงๆ การหมุนคอบิด บริหารประจำอาจทำให้เกิดผลร้าย

 

อันตรายที่เกิดขึ้นจะแปรตามความรวดเร็ว รุนแรงของการบิดสะบัดเคลื่อนไหวคอและแม้หมุน สะบัดไม่รวดเร็ว แต่การทำซ้ำกันบ่อยๆเป็นระยะเวลานานก็เกิดเรื่องได้ ไม่เฉพาะแต่เส้นประสาทที่คอ ยังเกิดกับเส้นเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เกิดมาขาดทุนคือมีเส้นเลือดคู่หลังเพียงเส้นเดียว และในคนที่มีเส้นเลือดตีบอยู่แล้วจากมีโรคประจำตัว คือ อ้วน ความดันสูง ไขมันเพียบ หรือมีกระดูกงอกที่คอที่พร้อมที่จะกดเบียดเส้นเลือดอยู่แล้วหรือคนที่มีโรคของผนังเส้นเลือดผิดปกติแต่กำเนิด (ซึ่งพบได้น้อยมาก)

 

ข้อควรระวัง และกลไกในการเกิดอัมพฤกษ์จากการเคลื่อนของคอ อันเป็นผลจากการจับ ดัด เอียง สะบัด มีรายงานเป็นทางการจากสมาคมโรคหัวใจและโรคอัมพฤกษ์จากเส้นเลือดผิดปกติของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานข้อสรุปได้รับการสนับสนุนและรองรับโดยสมาคมศัลยแพทย์และคองเกรสทางระบบประสาทของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ฉบับเดือนตุลาคม 2014 

ทั้งนี้ การนวดกดจุดก็น่าจะต้องระวังเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดคู่หลังจะวิ่งเข้าสมองโดยผ่านรู 2 ข้างที่ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งจากการนวด อาจจะมีวิธี “ปิด–เปิดประตู”

 

ทั้งนี้ การเปิดปิดประตูคือการกดจุดที่รู 2 ข้างซึ่งจะตัดการไหลเวียนของเลือดเข้าสมองท้ายทอยซึ่งเป็นจอรับภาพในสมอง ทำให้ตามืดไปชั่วขณะ และเมื่อปล่อยการกดจุด เลือดจะไหลมาดังเดิมทำให้ตาสว่าง ซึ่งในคนที่เส้นเลือดผิดปกติอยู่แล้ว ตาอาจมืดไปเลยได้ กลายเป็นบอดทั้ง 2 ข้าง


สำหรับคนเมื่อยคอ วิธีแก้เมื่อย รวมทั้งยังสามารถทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองได้คือคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตนเอง 4 ทิศ ซ้ายขวา หน้าหลังเท่ากับ 1 รอบ ดันแรง ดันนานๆ

ทำวันละ 10-20 รอบ ตอนไหนก็ได้ ยังช่วยเรื่องกระดูกกดทับเส้นประสาท ปรับโครงสร้างกระดูก เส้นเอ็นให้เข้าที่ ทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง

ไม่ต้องไปดึงคอที่โรงพยาบาลเสียเวลารถติด ข้อสำคัญไม่ต้องกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นการแก้ปลายเหตุ กระเพาะทะลุ ไตพัง และยาแก้ปวดยังทำให้เส้นเลือดหัวใจตันได้

 

ถ้าเราทราบข้อห้าม ทราบโครงสร้างของเส้นเลือดและกระดูกเส้นเอ็นเราก็จะปฎิบัติได้ถูกวิธีไม่เกิดอันตราย นะครับ

 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

ขอบคุณรูปจากวารสารดังกล่าวครับ

 

ทีมข่าว "Nation TV." ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนักร้องสาวด้วย