ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีรอบสอง มีมติไม่เห็นชอบ การเสนอชื่อ"นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ซึ่งเป็นการเสนอชื่อซ้ำมาพิจารณาในรอบสอง มติดังกล่าวไม่เพียงเป็นการตัดสิทธิ ชื่อนายพิธา ไม่สามารถเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป ยังมีผลทำให้ฉากทัศน์การเมืองหลังจากนี้ต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะบทบาทนำในการจัดตั้งรัฐบาลไปอยู่กับ"พรรคเพื่อไทย"
วอน "ลุงป้อม"อย่าเข้ามามีบทบาทนำ
"แก้วสรร อติโพธิ" นักวิชาการอิสระ และอดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยฉากทัศน์การเมืองหลังจากนี้ เชื่อว่า "พรรคก้าวไกล" คงต้องเป็นฝ่ายค้าน เพราะหาก"ก้าวไกล"ยังชูเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา"มาตรา112" แสดงตัวตนแบบนี้ คนไม่ไว้วางใจ เชื่อว่า "พรรคเพื่อไทย" หันไปจับขั้วกับพรรคการเมืองอื่นที่นอกเหนือจาก 6 พรรคพันธมิตร ไม่ว่าเป็น "ภูมิใจไทย" พลังประชารัฐ
ในส่วนของพลังประชารัฐ ขอแนะนำว่า "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่าเข้ามามีบทบาทนำ
ห่วง"ชายขายบ้าน"มาบริหารชาติ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเป็นห่วง การเป็นรัฐบาล รับภารกิจได้ยาก เพราะว่าวิฤตเศรษฐกิจกำลังคืบมาตลอด ความเป็นผู้นำ เช่น "คุณเศรษฐา ทวีสิน" นำไม่ได้ แม้แต่ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาไม่รู้จะไหวไหม หรือนายทักษิณ ชินวัตร มาจะไหวไหมต่อสถานการณ์แบบนี้ ที่จะให้คนเข้าใจ จะนำพาบ้านเมืองไปทิศทางไหน ที่สำคัญ ภายในพรรคการเมืองแต่ละพรรคตอนนี้ก็อ่อนแอ
"พรรคเพื่อไทยใครคุม ใครบริหาร ภูมิใจไทย ก็มีแต่เนวิน อนุทินอาจคุมได้ พปชร.เป็นอย่างไรไม่ชัดเจนภายใน ดังนั้นเราจะมีศักยภาพที่ต่ำกว่าในการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ถ้าก้าวไกลไม่เลิกใช้ความเกลียดชัง ผ่านโซเชียล ตอกย้ำไปเรื่อย ๆ มีปัญหาการตกงานมากขึ้น สถานการณ์จะเติบโตเป็น มวลชนมหาศาลได้ ไม่ใช่แค่ได้จากคะแนนเสียงเลือกตั้ง"
"โลกปัจจุบันข้างหน้า จะมีความผิดหวังให้ผู้คนเยอะ โดยเฉพาะหนุ่มสาว ถ้าตกงานเยอะ สร้างความขุ่นเคือง คนชั้นกลางร่วง ถึงตรงนั้นความเกลียดชังจะมีบทบาทรุนแรงขึ้น ภารกิจไม่ใช่ชนะก้าวไกล หรือใครชนะใคร ภารกิจคือหลุดจากความเกลียดชังได้หรือไม่ มีความหวังให้ผู้คนได้หรือไม่ แล้วโซเชียลมีเดียจัดตั้งได้ง่ายเหลือเกิน "
"นายแก้วสรร" ส่งเสียงถึง"ผู้นำคนใหม่"ที่จะต้องมาเผชิญสถานการณ์ข้างหน้า
ความแตกต่างของก้าวไกลและเพื่อไทย
ทั้งนี้ "นายแก้วสรร อติโพธิ" นักวิชาการอิสระ กล่าวถึง พรรคเพื่อไทยในสถานการณ์โหวตนายกในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการโพสต์ข้อความเน้นแก้ปัญหาปากท้องต้องมาก่อน รอไม่ได้แล้ว แต่พรรคก้าวไกล ยังคงโพสต์ ไม่เอาพรรคการเมืองร่วมสืบทอดอำนาจเผด็จการมาร่วมรัฐบาล ว่า "พรรคเพื่อไทย" และ"นายเศรษฐา ทวีสิน" ออกมาให้ความเห็นแบบนี้ ถูกต้องแล้ว ส่วน"ก้าวไกล" ก็คงต้องปล่อยเขาไป
"อาจารย์แก้วสรร" บอกว่า ในเมื่อพรรคก้าวไกล เริ่มต้นหากินจากความผิดหวังและความเกลียดที่ถูกสร้างผ่านโลกโซเชียล ฉะนั้นพรรคการเมืองอีกฝั่ง ต้องสู้กับเขาด้วยความหวัง
อย่างไรก็ตาม นอกจากบอกว่าจะแก้ปัญหาหนี้สิน ปัญหาปากท้อง เพื่อไทยควรต้องอธิบายต่อไปด้วยว่า จะสร้างนโยบาย และปฏิบัติให้เห็นจริงไม่รู้ว่า"นายเศรษฐา"จะทำได้หรือไม่ เพราะถนัดขายบ้าน ดังนั้น ต้องระดมคนมาช่วยคิดช่วยทำ ส่วนก้าวไกล ก็ต้องปล่อยไปตามสภาพ
"นายแก้วสรร" แนะนำว่า แนวทางการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตยกับพรรคที่หากินจากความผิดหวังและความเกลียด
"พรรคการเมืองนั้นๆ ต้องสู้กับเขาด้วยความหวัง ว่าบ้านเมืองหวังได้ สร้างได้ไหม เมื่อมีการแบ่งกระทรวงกันแล้ว ให้ระดมคนเก่งสักสี่ห้าคนก็ได้มาเป็นคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ผช. รมต.) นำคนพวกนี้ ไประดมความคิดวางแผนตามนโยบายการทำงานด้านต่างๆ"
"การตั้งรัฐบาลคราวหน้าต้องสร้างความหวัง แข่งกับก้าวไกล ต้องก้าวให้ไกลกว่าเขา เพราะถ้าปล่อยให้เขาเป็นอย่างนี้ ถ้าคุณเหมือนเดิม เขาจะไปไกลจริงๆ ไกลกระทั่งลงเหว" นายแก้วสรร กล่าวทิ้งท้าย