5 ธันวาคม 2565 จากกรณี "ชูวิทย์" ออกมาแฉกลุ่ม "ทุนจีนสีเทา" โดยพาดพิงว่า "จ้าว เหว่ย" คือหนึ่งในกลุ่มทุนสีเทา กระทั่งมีการออกมาตอบโต้กัน โดย "จ้าว เหว่ย" ยืนยันว่า เข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเพื่อให้เกิดความเจริญร่วมกับรัฐบาล สปป.ลาว ตั้งเป้าลงทุนแสนล้าน เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการลงทุนระดับโลก ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด ที่หอพระราชวังจำลอง เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว “เนชั่นทีวี” ได้เข้าสัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจ “จ้าว เหว่ย” ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ที่เข้ามาสัมปทานพื้นที่สปป.ลาว ในนามของบริษัทกลุ่มดอกงิ้วคำ จำกัด ในเครือจินมู่เหมียน ในกรณีที่ถูกประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้นแบล็คลิสต์ “คิงส์โรมันกาสิโน” เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
รวมทั้งได้ขึ้นแบล็คลิสต์การทำธุรกรรมทางการเงินบุคคลที่เกี่ยวกับกับพื้นที่ดังกล่าว ประกอบด้วย จ้าว เหว่ย, นางกุ้ยฉิน ซู ภรรยาจ้าวเหว่ย, Abbas Eberahim ชาวออสเตรเลีย และนายนัท รุ่งตะวันคีรี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 โดยระบุว่า เป็นพื้นที่ค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าสัตว์ป่าและอวัยวะสัตว์ป่าคุ้มครอง
“จ้าว เหว่ย” กล่าวกับ"เนชั่นทีวี" ถึงการที่ถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นแบล็คลิสต์เป็นประเด็นแรกที่ได้เริ่มมีการสนทนากัน โดยพูดเป็นภาษาจีนระบายความอัดอั้นตันใจ นานกว่า 10 นาที ว่า ไม่ว่าจะเป็นการปกครองระบบสังคมนิยม หรือทุนนิยม ทุกประเทศควรนำหลักมนุษยธรรมมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ควรเอาเรื่องที่ไม่จริงมาพูด สิ่งที่บอกว่ามีก็บอกว่าไม่มี แบบนี้เรียกว่า ไม่พูดความจริง สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจ พอมีเรื่องที่ทำให้เสียผลประโยชน์ก็มักจะหาเหตุผลรังแกประเทศอื่น เปรียบเหมือนเจอผงซักซอกถุงหนึ่ง แล้วบอกว่าเป็นยาเสพติด แบบนี้ไม่ถูกต้อง
สิ่งที่สหรัฐอเมริกา ระบุว่า เขาไปเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และค้ามนุษย์ ทำไมถึงสื่อสารออกมาแบบนี้ “จ้าว เหว่ย” บอกว่า เขาเป็นคนจีนคนหนึ่งที่ทำธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่ผิดเมื่อมีฐานะขึ้นก็อยากช่วยเหลือคนอื่น ตลอดเวลาที่ผ่านมา อยากถามว่าประเทศสหรัฐอเมริการักษาความสงบสุขอย่างไร ทุกคนบนโลกต้องได้รับความยุติธรรม ตั้งแต่ปี 2561 ไม่ว่าจะเกิดอะไรในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ก็มักจะพาดพิงมาหาตนเอง ซึ่งรู้สึกว่า เป็นเหมือนแพะรับบาปมาเป็นเวลาหลายปี ทำไมประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่แสดงสปิริตมาพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน มาสร้างมิตรภาพระหว่างประเทศไม่ดีกว่าหรือ
ตลอดเวลาในการเข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ผ่านมา 15ปี “จ้าว เหว่ย” บอกว่า ได้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างนักปฏิวัติรุ่นเก่าของพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับนักปฏิวัติรุ่นเก่าของลาว ที่พร้อมใจกันจะปฎิรูปประเทศให้มีความก้าวหน้า และขจัดความยากจน และเราได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลสปป.ลาวมาโดยตลอด ประชาชนชาวลาวมีน้ำใจ และเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร ทุกวันนี้เชื่อว่าหลายๆคนรู้ว่าวัฒนธรรมของชาวจีนมีความรักแบบไม่มีขอบเขตที่มอบให้กับผู้คนทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ สปป.ลาว ได้ให้สัมภาษณ์ในสื่อของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำพัฒนามาครบ 15 ปี ว่า ภายใต้การพัฒนาของรัฐบาลสปป.ลาว และความตั้งใจของ จ้าว เหว่ย ทำให้พื้นที่ที่ไม่มีอะไรเลย กลับกลายเป็นพื้นที่มีมีความเจริญ ไม่คิดไม่ฝันว่า จะมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยังขอยืนยันว่า นโยบายของรัฐบาลสปป.ลาว ที่ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาพัฒนาพื้นที่นั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
สำหรับพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ทางบริษัทกลุ่มดอกงิ้วคำ จำกัด ในเครือจินมู่เหมียน ได้เริ่มมีการขออนุญาตจากรัฐบาลสปป.ลาวในการเข้ามาลงทุนเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2550 และได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ปี 2553 บนพื้นที่สัมปทาน 10,000 เฮกตร้า ด้วยงบประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ชมคลิป
ข่าวโดย สกาวรัตน์ ศิริมา
ภาพโดย จักรินทร์ นมนาน, วสันต์ ปัญญาเรือน