26 มีนาคม 2568 “ดราม่าร้อน” กรณีการตรวจสอบด่านจับความเร็วของ สมาคมนักรบด่านเถื่อน โดยได้ทำการไลฟ์สด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะกำลังใช้กล้องยิงจับความเร็วรถยนต์ของประชาชน ที่กำลังวิ่งผ่านบนถนนสายเอเซีย ในพื้นที่ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
โดยระหว่างการไลด์สด ด.ต.ศุภมิตร ผบ.หมู่ (จร). สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการสโตกอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้ไลด์สดได้เข้าไปให้การช่วยเหลือ และติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณหน้าด่าน ให้รีบนำตัว ด.ต.ศุภมิตร ส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาล ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกับ จังหวัดสิงห์บุรี ตั้งแต่ อ.สรรพยา จนกระทั่งมายัง อ.เมืองชัยนาท และ สุดเขตที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท จากการตรวจสอบของทีมข่าวพบว่า แค่ในช่วงพื้นที่ของ จ.ชัยนาท บนถนนทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเชีย พบว่า มีด่านตรวจจับความเร็ว ต่อจากด่านจับความเร็ว สภ.พรหมบุรี มากถึง 3 ด่าน หากรวมด่านจับความเร็ว จ.สิงห์บุรี และด่าน จ.ชัยนาท แล้ว จึงทำให้มีด่านจับความเร็วมากถึง 4 ด่านด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับด่านจับความเร็วของ จ.ชัยนาท บนถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือ สายเอเชีย ต่อจากด่าน สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
-ด่านแรกเมื่อเข้าสู่จังหวัดชัยนาท เพื่อมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ จะพบด่านตรวจจับความเร็ว ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณ ศูนย์บริการทางหลวงชัยนาท ตรงข้ามด่านชั่งน้ำหนักสรรพยา
โดยด่านดังกล่าวเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.สรรพยา และจะมีการตั้งด่านตรวจจับความเร็วและรถผิดกฎหมาย ทั้งขาขึ้นขาล่อง
ซึ่งในขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ ก็ยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่าน ทำการตั้งกรวยยาง เพื่อบังคับรถให้เข้าช่องทางจราจรที่ได้มีการกำหนดไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนถือใบสั่ง ประมาณ 5-6 นาย ซึ่งหากรถคันไหนถูกกล้องตรวจจับความเร็วยิง และมีความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร ก็จะถูกเปรียบเทียบปรับทันที หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ( จับสด )โดยบริเวณด่านแห่งนี้ก็จะมีการตั้งโต๊ะเสียค่าปรับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวบ้านที่ถูกตรวจจับความเร็ว
- สำหรับด่านจับความเร็วถัดมา ก็จะมีการตั้งอยู่ที่บริเวณใต้สะพานทางยกระดับ ( ชัยนาท-ตาคลี ) บริเวณป้อมตำรวจเสือโฮก
ทั้งนี้ ด่านตรวจจับความเร็วแห่งนี้ เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองชัยนาท ซึ่งจะมีการตั้งด่าน เพื่อตรวจจับความเร็วและรถผิดกฎหมาย ตามที่ตำรวจมีการะบุไว้ โดยจะทำการตั้งด่านทั้งขาขึ้น-และขาล่อง ซึ่งในขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจ ด่านนี้ยังไม่มีการตั้งด่านเพื่อตรวจจับ ซึ่งทราบว่า การตั้งด่านแห่งนี้ จะมีการตั้งแบบเหลื่อมเวลากับด่านแรก
-ส่วนด่านตรวจจับความเร็วแห่งสุดท้ายของจังหวัดชัยนาท ก็จะอยู่ในช่วงหลักกิโลเมตรที่ 136 (ขาล่อง) หรือ (ขาเข้า) กรุงเทพมหานครฯ
ซึ่งด่านแห่งนี้อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท โดยขณะทีมข่าวลงพื้นที่ พบว่า ด่านแห่งนี้ยังไม่มีการตั้งเพื่อตรวจจับรถยนต์เช่นกัน
สอบถามนายสม (นามสมมุติ) ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงด่านตรวจจับความเร็ว บริเวณหมวดทางหลวงสรรพยา ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.สรรพยา เปิดเผยว่า การที่ด่านมาตั้งอยู่บริเวณนี้ มักทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอยู่เรื่อยมา โดยสาเหตุหลักๆ คือ ทำให้การจราจรนั้นไม่ค่อยสะดวก และไม่คล่องตัว ซึ่งด่านแห่งนี้จะจับความเร็วอยู่ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเวลาตั้งด่านนั้น จากการสังเกตุเป็นประจำทุกวัน พบว่าไม่ตายตัว แต่จะตั้งด่านทุกๆ วัน โดยก่อนหน้านี้ด้านแห่งนี้ ก็เคยมียูทูบเบอร์มาไลฟ์สด เพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วเช่นกัน
นายสม กล่าวอีกว่า สำหรับตนเอง คิดว่าการที่ตำรวจมาตั้งด่านจับความเร็วใกล้กันแบบนี้ ก็ไม่ค่อยยุติธรรมกับประชาชนมากนัก โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็วว่าเกินกำหนดจริงหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบมา กล้องที่ใช้ตรวจจับความเร็วสามารถตั้งค่าได้ โดยสามารถให้ตัวเลขต่ำ หรือสูงได้ นอกจากนี้ยังทราบว่า มีการใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยในเรื่องของการตรวจจับอีกด้วย ซึ่งส่วนตัวแล้วเกรงว่ามันจะไม่แม่นยำ
ส่วนเรื่องของการยกเลิกการตั้งด่านบริเวณนี้ ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะชาวบ้านที่ขับรถทั่วไปก็ทราบกันดีอยู่ว่า สาเหตุที่แท้จริง ที่ตำรวจมีการตั้งด่านจับความเร็วเพราะอะไร โดยเฉพาะในเรื่องของเงินส่วนแบ่งที่ตำรวจได้นั้น ส่วนตัวแล้วอยากให้รัฐบาลยกเลิกในเรื่องเงินส่วนแบ่งนี้ทันที เพราะตำรวจจะได้ไม่ต้องมาหาข้ออ้างว่า การตั้งด่านเพราะต้องการปราบปรามการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วมันมีตัวเลขของส่วนแบ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง และในส่วนแบ่งรายได้จากการตรวจจับความเร็ว อยากให้มีการชี้แจงว่า มีการแบ่งกันอย่างไร หรือมีการเอาชื่อตำรวจนอกโรงพัก หรือตำรวจที่ไม่ได้ปฏิบัติงานในจุดนี้ มาสวมเพื่อทำการเบิกเงินด้วยหรือไม่
สำหรับคำถามที่ว่า การตั้งด่านตรวจจับความเร็ว ดีจริงหรือไม่ ส่วนนี้ตนคิดว่า ทั้งตนเอง และชาวบ้าน รวมไปถึงผู้ใช้รถ เช่นรถส่งของ ต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ควรที่จะเลิกตั้งด่านในลักษณะแบบนี้เสียทีเถอะ เพราะมีด่านเยอะเกิน เรียกกันได้ว่า ตั้งแบบซอยถี่ยิบเลยก็ว่าได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากจะขอวิงวอนไปยัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ยกเลิกด่านประเภทนี้ด้วย และอยากให้หน่วยงานกลางเข้ามาตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินค่าปรับ และเงินส่วนแบ่งที่ตำรวจได้
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เป็นไปตามข้อสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ซึ่งหากขับรถจากจังหวัดสิงห์บุรีมาจะพบว่า พื้นที่ของ จ.สิงห์บุรีเจ้าหน้าที่จะจับความเร็วรถที่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สำหรับในพื้นที่ของชัยนาท จะใช้กล้องตรวจจับความเร็วรถที่ขับเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอีกประเด็นคือเรื่องของจำนวนใบสั่ง และเงินค่าปรับ ส่วนนี้มีการดำเนินการโปร่งใสกันหรือไม่ และมีการนำชื่อมาสวนสิทธิ์ เพื่อเบิกเงินกันหรือไม่