กรณี "เตี้ย มช." สุนัขพันธุ์ทางแสนรู้ ขวัญใจนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ถูก "ส.ต.ท.ปริญญา สังกัด ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่" พาตัวออกไปจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ก่อนพบซากศพเจ้าเตี้ยถูกทิ้งอยู่ริมถนน ย่านช้างเคี่ยน หลังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เหตุเกิดช่วงต้นเดือน พฤษภาคม 2563 ต่อมาตำรวจ สภ.ช้างเผือก ได้จับกุม ส.ต.ท.ปริญญา และนำตัวส่งฟ้องศาล จ.เชียงใหม่ กระทั่งศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุกจำเลย เป็นเวลา 6 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่จำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์ โดยขอประกันตัวออกไปในวงเงิน 150,000 บาท และศาลอุทธรณ์ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ก่อนจะเลื่อนเป็นวันที่ 13 มกราคม 2568 นั้น
13 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "เตี้ย มช." โพสต์ข้อความระบุว่า
จำเลยมีความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ จำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ลดโทษเหลือหนึ่งในสามเนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ คงโทษจำคุก 4 เดือน
จำเลยมีความผิดในข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ไปโดยทุจริต จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดโทษเหลือหนึ่งในสาม คงโทษจำคุก 12 เดือน
รวมจำคุก 16 เดือน ไม่รอลงอาญา และชดใช้ค่าเสียหายแก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในฐานะ “เจ้าของกรรมสิทธิ์” เป็นจำนวน 100,000 บาท
ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ น.ส.สบันงา นนธะระ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ พร้อมด้วย น.ส.ทิวากร ศิริรัตน์ ทีมแอดมินเพจ "เตี้ย มช." และคณะได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ชั้นอุทธรณ์ คดีฆ่าสุนัข "เตี้ย มช."
โดยมีแฟนคลับของพี่เตี้ย เดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แฟนคลับบางราย นำถุงผ้าสกรีนเป็นรูปพี่เตี้ย และใส่เสื้อผ้าที่มีข้อความเกี่ยวกับความน่ารักของพี่เตี้ย เดินทางมารอรับฟังผลการตัดสินคดีในวันนี้ด้วย
ในวันนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ 1324/2567 ผ่านทางจอภาพไปยังศาลจังหวัดเชียงใหม่
มีเนื้อหาแห่งคดีสรุปได้ความ ได้ว่า คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3 - 7 พฤษภาคม 2563 จำเลยลักเอาสุนัข ชื่อ เตี้ย มช. ซึ่งสุนัขนี้อาศัยอยู่ใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วจำเลยได้ใช้วัตถุของแข็งไม่มีคมไม่ทราบชนิดและขนาด ทำร้ายสุนัขตัวนี้บริเวณขาหลังช่วงล่างลำตัวและกะโหลกศีรษะ เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษ ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะฯ และข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้จำเลยชดใช้ราคาสุนัข 100,000 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยให้การปฏิเสธ ผู้เสียหายที่ เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 คือเจ้าของเจ้าเตี้ย ไม่ได้ยึดถือ สุนัขชื่อ เตี้ย มช. เป็นของตนแล้ว ส่วนผู้เสียหายที่ 2 เป็นแอดมินเพจเตี้ย มช เพียงผู้ดูแลจึงไม่ใช่เจ้าของ ผู้เสียหายที่ 3 คือทางมูลนิธิฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสุนัขตัวนี้จึงไม่ใช่เจ้าของเช่นกัน สุนัขตัวนี้จึงไม่มีเจ้าของ การที่จำเลยเอาสุนัขนี้ไป จึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ ส่วนความผิดในข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยได้เอาสุนัขชื่อ เตี้ย มช. ไปและทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
จำเลยจึงมีความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร จำคุก 5 เดือน ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์ฯ และยกคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะๆ อีกข้อหาหนึ่ง โดยโต้แย้งว่าโจทก์ร่วมยังไม่ได้สละกรรมสิทธิ์ในสุนัขชื่อ เตี้ย มช. จึงยังเป็นเจ้าของสุนัขนี้และ ขอให้จำเลยชดใช้เงิน 100,000 บาท และโจทก์ยังอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลย ในความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด ส่วนจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องในข้อหา ทารุณกรรมสัตว์โดยโต้แย้งว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายสุนัขชื่อ เตี้ย มช.
เป็นเหตุให้ ถึงแก่ความตาย ความจริงแล้วจำเลยพาสุนัขนั่งรถจักรยานยนต์เพื่อไปเที่ยว แต่ในระหว่างทางจำเลยเสียการทรงตัว ทำให้สุนัขตกจากรถเป็นเหตุให้ถูกรถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับทับตาย ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลย ที่จำเลยอ้างว่าได้เอาสุนัขชื่อเตี้ย มช. นั่งตรงที่วางเท้าของรถจักรยานยนต์แล้วจำเลยขับรถนั้นพาไปเที่ยว ระหว่างทางจำเลยเสียการทรงตัว ทำให้สุนัขตกจากรถถูกรถทับตายนั้น
เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์จากผลการตรวจพิสูจน์ซากสุนัขพบว่า ขาหลังทั้งสองเป็นรอยช้ำกระเพาะปัสสาวะฉีกขาดกะโหลกศีรษะแตกเป็นหลายชิ้น ลักษณะบาดแผลที่กล่าว ไม่เหมือนถูกรถทับ ตามภาพบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยวกลางคืนมืดไม่เหมาะที่จะไปเที่ยว โจทก์มีข้อมูล การสนทนาระหว่างจำเลยกับคนที่จำเลยคบหาโดยจำเลยกล่าวว่าจะฆ่าสุนัขชื่อเตี้ย มช. และ จักรยานยนต์ที่จำเลยขับ เห็นว่าที่วางเท้าที่สุนัขนั่งกับล้อหลังใกล้กันมากหากสุนัขตกจากรถแทบเป็นไปไม่ได้ ที่สุนัขจะถูกรถนั้นทับ
และที่จำเลยอ้างว่ารถเสียการทรงตัวทำให้สุนัขตกจากรถก็ต่างกับคำให้การ ในชั้นสอบสวนที่จำเลยเขียนอ้างว่าสุนัขกระโดดลงจากรถจึงถูกรถทับ ดังนั้นพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา จึงรับฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายสุนัขจากวัตถุของแข็งหลายครั้งจนเป็นเหตุให้สุนัขตายอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
และที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดนี้ หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นอุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 193 ทวิ ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์และโจทก์ร่วมข้ออื่น ปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า สุนัขชื่อเตี้ย มช. มาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2558 โดยโจทก์ร่วมก็ทราบและไม่นำสุนัขนี้กลับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็มอบหมายให้ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานของตนดูแลสุนัขภายในมหาวิทยาลัย ผู้เสียหายที่ 2 จึงดูแลสุนัข ชื่อเตี้ย มช. ในเรื่องอาหารและที่อยู่อาศัย จัดให้มีการฉีดวัคซีน ทำหมัน ฝังไมโครชิบ ตรวจสุขภาพประจำปี พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าโจทก์ร่วมได้สละกรรมสิทธิ์ในสุนัขตัวนี้และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เข้าครอบครอง เป็นเจ้าของสุนัข
ส่วนผู้เสียหายที่ 2 เป็นเพียงผู้ดูแลไม่ใช่เจ้าของ ผู้เสียหายที่ 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสุนัขตัวนี้ จึงไม่ใช่เจ้าของเช่นกัน ดังนั้นเมื่อสุนัขนี้เป็นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการ เอาทรัพย์ของผู้อื่นไป และแม้จำเลยจะเอาไปทำร้ายจนตายก็ถือว่าจำเลยเอาไปด้วยเจตนาทุจริตเช่นกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะฯ ตามที่โจทก์ฟ้องอีกระทงหนึ่ง และจำเลย ต้องชดใช้ราคาสุนัขนี้แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งสุนัขตัวนี้มีคุณค่าสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ ในลักษณะต่าง ๆ แก่สังคมยิ่งกว่าสุนัขทั่วไป
จึงเห็นควรให้จำเลยชดใช้ราคาเป็นเงิน 100,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ อีกกระทง จำคุก 1 ปี 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 12 เดือน และลดโทษจำคุก 6 เดือน ฐานทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุสมควร ให้หนึ่งในสามเช่นกัน คงจำคุกในความผิดนี้ 4 เดือน รวมจำคุกจำเลย 16 เดือน ให้จำเลยชดใช้เงิน 100,000 บาท แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทั้งนี้จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 63 เวลาประมาณ 19.21 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากพนักงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่า มีสุนัขพันทางเพศผู้ สีน้ำตาลขาว อายุ 8 ปี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. 63 ได้ติดตามหามาตลอด กระทั่งเวลา 17.00 น. วันที่ 7 พ.ค. ก็พบว่าเสียชีวิตอยู่ในป่าข้างทางริมถนนด้านข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ในสภาพเน่าอืด เสียชีวิตมาแล้วหลายวัน
ซึ่งผลการชันสูตรพบว่ามีการถูกทำร้ายอย่างทารุณ ซึ่งสุนัขดังกล่าวมีฉายาว่า "เตี้ย มช." ซึ่งเป็นสุนัขที่เป็นแฟนคลับของเด็ก มช. และประชาชนที่พบเห็น หลังจากที่มีการสืบสวนและติดตามหาพยานหลักฐาน จึงได้ทราบว่ามี ส.ต.ท.ปริญญา ปัญญาบุตร ตำรวจตระเวนชายแดนรายหนึ่งเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าพี่เตี้ย มช.
จากนั้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 63 ทางเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ได้เริ่มออกสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม กระทั่งได้มีการตัดสินคดีในวันที่ 25 ก.ค.66 โดยศาลชั้นต้น ได้ยกฟ้องในเรื่องของการลักทรัพย์กลางคืนเนื่องจากเป็นการสืบทราบพยานหลักฐานที่ไม่ครบ และการยืนยันชัดเจนเรื่องการเป็นเจ้าของ แต่งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ตัดสินจำคุก 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งต่อมาทางผู้ก่อเหตุได้ยื่นอุทธรณ์
น.ส.สบันงา นนธะระ หน.ฝ่ายกฎหมาย มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ เผยว่า การต่อสู้คดีวันนี้อยู่ใน ชั้นศาลอุทธรณ์ เป็นที่พอใจเป็นอย่างมากดีใจที่สุนัขตัวนึงได้รับความยุติธรรมตามกฎหมาย ยากให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานของสังคมว่าไม่ใช่ใครที่อยากจะทารุณกรรมสัตว์ก็ทำได้ ทุกอย่างมีกฎหมายคุ้มครองอยู่
ขณะที่ น.ส.ทิวากร ศิริรัตน์ ทีมแอดมินเพจ "เตี้ย มช." เผยว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เจ้าเตี้ยได้รับความยุติธรรม
ดูคลิป