จากกรณี เมื่อวานนี้ ( 1 ม.ค.2568) เวลา 20.06 น. ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักชนการ์ดเรล พลิกคว่ำ แล้วเกิดเพลิงไหม้ เหตุเกิดบนถนนหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 บายพาส ชลบุรี ระยอง หลักกิโลเมตรที่ 8 + 200 ฝั่งมุ่งหน้าไประยอง ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็ก สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฉะเชิงเทรา ในสภาพชนการ์ดเรลจนได้รับความเสียหาย ก่อนจะตีลังกาพลิกคว่ำ แล้วเกิดเพลิงไหม้ จนได้รับความเสียหายพังยับเยิน เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ ใช้ถังสารเคมีช่วยดับไฟที่ลุกไหม้บริเวณซุ้มล้อไว้ได้ ขณะที่พื้นถนนยังพบชิ้นส่วนรถกระบะกระเด็นไปทั่วบริเวณ และเพลาล้อหลังยังหลุดออกจากตัวรถด้วย
ส่วนตัวผู้ขับขี่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์ ได้ควบคุมตัวไว้ ทราบเพียงว่า เป็นชาวเกาหลี อายุประมาณ 35-40 ปี อยู่ในสภาพสะบักสะบอม พูดจาไม่รู้เรื่อง โดยมีผู้เสียหายยืนชี้ตัวยืนยันกับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ตรวจสอบมีถุงพลาสติก ซึ่งภายในมีเงินสดอยู่จำนวนหนึ่ง
สอบถามนายจโลม แซ่จัง อายุ 49 ปี ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุบนทางด่วน ช่วงลาดกระบัง ตนเองและภรรยา สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุกำลังทำร้ายผู้หญิง จึงหยุดรถเข้าช่วยเหลือ แต่จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุกลับวิ่งย้อนมาขึ้นรถของตนเอง ตนเองพยายามยื้อ แต่ผู้ก่อเหตุได้รีบเร่งเครื่องหลบหนีไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง
ขณะเดียวกัน ร.ต.ต จิโรภาส นวลสันเทียะ รอง สว(ป) สทล.1กก.8บก.ทล. เปิดเผยว่า คนร้ายก่อเหตุใช้ไม้ไล่ตีรถยนต์ของประชาชน ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 24 บนถนนมอเตอร์เวย์ ช่วงลาดกระบัง มีผู้เสียหายหลายคัน จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงเห็นว่าระหว่างผู้เสียหาย และผู้ก่อเหตุกำลังยื้อแย่งไม้กันอยู่ กระทั่งคนร้ายเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรีบวิ่งไปขึ้นแล้วเร่งเครื่องหลบหนีไป จึงให้ผู้เสียหายขึ้นรถของเจ้าหน้าที่แล้วไล่ติดตาม พร้อมวิทยุสกัดจับตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไป แต่คนร้ายใช้ความเร็วในการหลบหนีกว่าจะได้ติดตามมาทัน เนื่องจากรถของคนร้ายยางระเบิด ความเร็วจึงลดลง แต่ยังคงหลบหนีอย่างไม่ลดละ จนทำให้รถเกิดเสียหลักพุ่งชนกับการ์ดเรลที่เกาะกลางถนน จนรถตีลังกาพลิกคว่ำ
แต่ก็ยังไม่สามารถสยบคนร้ายได้ เนื่องจากเจ้าตัวมุดออกมาจากซากรถแล้ววิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่พยายามวิ่งไล่ติดตามไปไกลหลายร้อยเมตร จนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
เบื้องต้น ร.ต.อ.สิงห์หโรจน์ สืบส่ง รอง สว.สทล.1 กก.8 บก.ทล.ได้ แนะนำให้ผู้เสียหายให้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ พร้อมควบคุมตัวผู้ก่อเหตุส่งดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จุดเกิดเหตุชิงรถ อยู่ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 24 + 900 ขาเข้าชลบุรี ผู้ต้องหาขับรถหนีมาจนกระทั่งมาจนมุมรถเสียหลักพลิกคว่ำช่องทางคู่ขนานถนนหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 บายพาสชลบุรีระยองช่วงหลักกิโลเมตรที่ 8 + 200 รวมระยะทางที่ห่างกันกว่า 100 กิโลเมตร
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ ( 2 ม.ค.2568) มีรายงานว่า ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหา ไปสอบปากคำ ที่ สภ.บางเสาธง ทราบชื่อต่อมา คือ Mr.Nils jin sub เป็นชาวเกาหลี แต่ถือสัญชาติสวีเดน อายุ 29 ปี พร้อมแจ้ง 2 ข้อหา 1.ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์
ต่อมา ร.ต.อ.สุพัฒน์ จันทะวงษ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับตัว MR.Marcus NILS JIN SUB อายุ 29 ปี สัญชาติสวีเดน เพื่อควบคุมตัวและสอบปากคำ หลังจากไปก่อเหตุชิงรถจักรยานยนต์ ทุบทำลายรถยนต์ เสียหายประมาณ 4 คัน แล้วแอบชิงทรัพย์ขับรถยนต์กระบะของพลเมืองดี ขับหลบหนีไปจนไปเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ บนถนนหลวงแผ่นดินหมายเลข 36 บายพาส ชลบุรี ระยอง หลักกิโลเมตรที่ 8 + 200 ฝั่งมุ่งหน้าไประยอง ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และถูกควบคุมตัว ได้ในที่สุด
โดยดาบตำรวจ สุพจน์ เทียมปโยธร ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมล่าม ได้เข้ามาสอบปากคำผู้ต้องหาแล้ว ระบุว่า จากการสอบสวน และแจ้งความเสียหายต่าง ๆ ในสิ่งที่ผู้ต้องหาได้กระทำการลงไป แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่ยอมให้การใด ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน จากคลิปวีดีโอและภาพถ่าย เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ พร้อมควบคุมตัว เตรียมส่งศาลจังหวัดสมุทรปราการ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ในวันพรุ่งนี้ ( 3 ม.ค.2568)
ขณะที่ นายสัญชัย ประสพสวัสดิ์ อายุ 55 ปี วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง หนึ่งในผู้เสียหาย ได้เดินทางมารับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง ป้ายเหลือง ทะเบียน กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 1 ม.ค.2568 ตนจอดรถ จยย.อยู่ที่หน้าวินย่านหัวหมาก กรุงเทพฯ จู่ ๆ ผู้ต้องหาเดินเข้ามาคร่อมรถ ก่อนสตาร์ทแล้วขับขี่หลบหนีทันที ตนจึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.หัวหมาก และได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ว่า รถ จยย.ของตนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ และได้นำมาเก็บไว้ที่ สภ.บางเสาธง ให้นำเอกสารเข้ามาติดต่อขอรับกลับ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น รถจักรยานยนต์ของตนได้รับความเสียหายที่กระจกด้านขวาแตก 1 ข้าง น้ำมันในถังหมด และกุญแจหาย วันนี้จึงต้องนำรถยนต์กระบะมาขนย้ายกลับไปซ่อม