2 ธันวาคม 2567 เมื่อช่วงกลางดึก สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า บรรยากาศโดยทั่วไปสภาวะที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง ได้ตกทิ้งช่วงเป็นเวลา 2 วันแล้ว ส่งผลทำให้แม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำโก-ลก ที่มีปริมาณน้ำล้นตลิ่งได้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง
โดยภาพรวมลดลงสูงกว่าตลิ่ง ประมาณ 1 เมตร ส่วนพื้นที่ราบลุ่มที่เคยมีน้ำท่วมขังทั้ง 13 อำเภอ มีพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนโดยเฉลี่ยร้อยละ 30 กลับคืนสู่สภาวะปกติ ส่วนพื้นที่ที่อยู่บริเวณตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำโก-ลก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของแม่น้ำสายหลัก ยังคงมีน้ำท่วมขั้นอยู่ในขั้นวิกฤติเป็นเขตรอยต่อของ 2 อำเภอ คือ อำเภอสุไหงโก-ลก
ที่บริเวณบ้านลูโบ๊ะลือซง ม.2 บ้านปาดังยอ ม.3 ต.มูโนะและพื้นที่ อ.ตากใบ
ที่บริเวณบ้านแฆแบ๊ะ ม.1 บ้านตาเซ๊ะ ม.2 บ้านกัวลอต๊ะ ม.4 ต.นานาค
และที่บริเวณบ้านเกาะสะท้อน ม.2 บ้านศรีพงัน ม.3 บ้านโคกกาเปาะ ม.5 บ้านชุมบก ม.9 ต.เกาะสะท้อน
ซึ่งทั้ง 11 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบลนี้ มีน้ำท่วมขังโดยเฉลี่ยสูง 80 ถึง 150 ซ.ม.
จากสภาวะน้ำท่วมขังในครั้งนี้ในช่วงคืนที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านปาดังยอ ม.3 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก ได้เกิดเหตุสลดและสร้างความสูญเสียขึ้นแก่ครอบครัว ด.ญ.วัย 2 ขวบ ที่พลัดตกน้ำจากบ้านพัก เนื่องจากที่บ้านพักมีสมาชิกในครอบครัวเดินทางเข้าออกบ้านพัก และได้ลืมปิดประตูบ้านไว้จน ด.ญ. เดินตกลงไปในน้ำซึ่งขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็น มาพบอีกครั้ง ด.ญ. ได้หายไป
จึงมีชาวบ้านและเครือญาติได้ช่วยกันค้นหาที่บริเวณหน้าบ้านและพบร่างจมน้ำอยู่ จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และพบว่าได้เสียชีวิตแล้ว
และจากสภาวะน้ำท่วมขังถนนหนทางที่ประชาชนที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาหลังจาก ได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ พบว่า
ที่บริเวณคอสะพานคลองห้วยจูซิง บ้านแกแม ม.4 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งทรุดได้รับความเสียหาย จากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้กัดเซาะคอสะพาน เป็นหลุมลึกเจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก อ.ระแงะ
โดยให้ชาวบ้านเลี่ยงไปใช้เส้นทางอ้อมจากเส้นทาง อ.ระแงะไปออกสายบ้านมะนังตายอ อ.เมืองนราธิวาส เป็นการทดแทนจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการซ่อมแซมจนแล้วเสร็จ ส่วนการเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยความเสียสละ ตลอดทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมา
ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเซิ้งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก ภายใต้การนำของ นายวิชิตชาติ อุดมลาภเจริญกิจ หัวหน้ามูลนิธิกู้ภัยเซิ้งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก ได้นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์และเจ็ทสกี ออกตระเวนให้การช่วยเหลืออพยพพระสงฆ์และชาวบ้านที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ 4 หมู่บ้านของตำบลเกาะสะท้อน ตั้งแต่ช่วงเช้าจนดึกของวันที่ 1 ธันวาคม 67 ที่ผ่านมา
ด้วยทัศนวิสัยที่มืดสนิท จนเรือของเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยที่บรรจุน้ำดื่มเต็มลำ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ไปชนเอากับกลไกการบังคับการเปิดปิดของประตูระบายที่มีน้ำท่วมขังจนมืด ใน ต.เกาะสะท้อน จนเรือของเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอับปาง แต่โชคดีที่สมาชิกในกลุ่มได้แล่นเรือตามหลังคู่กันมา และสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ พ.ท.สกล มีสัมฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมเรือยางติดเครื่องยนต์ ตระเวนแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคและน้ำดื่ม ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.นานาค และ ต.เกาะสะท้อน
ซึ่งยังมีระดับน้ำท่วมขังสูง โดยเฉลี่ย 80 ถึง 150 ซ.ม. และด้านเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยทหารพัฒนาการเคลื่อนที่ 41 และชุดสันติสุขที่ 404 ได้นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ นำอาหารน้ำดื่มของใช้ส่วนตัวลัยาเวชภัณฑ์ ผ่านกระแสน้ำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนตาดีกาบ้านโคกสะตอ และศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนราชภักดี อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ในครั้งนี้ด้วย
พัทลุง สถานการณ์น้ำท่วม 5 อำเภอริมทะเลสาบคลี่คลาย ขณะที่อีก 6 อำเภอโซนติดริมภูเขาสถานการณ์น้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาะปกติแล้วหลังฝนหยุดตก ด้านรองผู้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นเร่งแจกจ่ายถุงยังชีพผู้ประสบภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ของจังหวัดพัทลุงมาตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบเดือดร้อน จำนวน 111,008 ครัวเรือน จำนวน 295,499 คน
ล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ต่างๆของ จ.พัทลุงคลี่คลายลงหลังฝนตกเบาบาง และบางพื้นที่ฝนหยุดตกมา ทำให้พื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัดทั้ง 6 อำเภอ อำเภอกงหรา อำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอศรีนครินทร์ ศรีบรรพต และอำเภอป่าพะยอม ระดับน้ำได้ลดลงเกือบปกติแล้วเว้นแต่บริเวณที่ลุ่ม
ขณะเดี่ยวกันพื้นที่ริมอำเภอทะเลสาบสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลาย อำเภอควนขนุน อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน อำเภอบางแก้ว และ อำเภอปากพะยูน แต่ยังมีน้ำท่วมขังเนื่องจากน้ำในทะเลสาบหนุนมาอย่างต่อเนื่อง บางแห่งน้ำท่วมสูงภายในหมู่บ้านจนรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้
ขณะเดียวกันทางจังหวัดพัทลุง ได้ประกาศเขตภัยพิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินทั่วทั้งหวัด 11 อำเภอ พร้อมทั้งระดม จนท.รัฐทุกๆฝ่ายเข้าให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เป็นพื้นที่ลุ่มรอน้ำระบายลงทะเลสาบ ระดับน้ำไหลลงทะเลได้อย่างช้าๆ ทำให้ชาวบ้านยังต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
ล่าสุดทางตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง นำอาหารเครื่องยังชีพเข้าช่วยเหลือแล้วในบางสวน โดยเฉพาะชาวบ้านกลุ่มเปราะบางและผู้สูงวัย ซึ่งนายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยตรวจดูสภาพน้ำท่วมเพื่อชาวเหลือ ชาวบ้านบางม่วง หมู่ 3 ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ที่มีมวลน้ำจากอำเภอป่าบอน และอำเภอตะโหมด ได้ไหลหลากลงมาท่วมในพื้นที่ ก่อนไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา
ทำให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 300 ครอบครัว จมอยู่ในน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 1 เมตร แต่โชคดีบางครอบครัวยกพื้นบ้านสูงน้ำ แต่บางครอบครัวที่เป็นบ้านชั้นเดียวต้องอพยพศูนย์พักพิง พร้อมตั้งโรงครัวแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ประสบภัย สำหรับพื้นที่บ้านบางม่วงนั้น น้ำคงท่วมอีกวันแม้ว่าฝนจะหยุดตกในช่วงนี้
ขณะเดียวกันได้ลงพื้นที่ตำบลลำปำและตำบลปรางหมู่ อำเภอเมืองพัทลุง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพร้อมแจกถุงยังชีพ และตั้งโรงครัวประกอบอาหารแจกจ่ายผู้ประสบภัย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่น้ำท่วมสูง
นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า วันนี้เกือบทุกพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลายพื้นที่ ที่ชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงของแต่ละอำเภอ ก็เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้านเรือนของตน
ในส่วนที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ก็ได้กำชับเจ้หน้าที่ทุกฝ่ายให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มโดยเฉพาะถุงยังชีพ และการประกอบอาหารขึ้นในพื้นที่เพื่อแจกจ่าย ที่สำคัญคือน้ำดื่มที่จัดหาให้เพียงพอ และจากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากนั้น ทางจังหวัดพัทลุงก็ได้ประกาศเขตภัยพิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินทั่วทั้งหวัด 11 อำเภอ
เพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และการให้ความช่วยเหลือเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง