เขื่อนเจ้าพระยาตรึงการระบายน้ำ รองรับมวลน้ำเหนือ

วันที่ 2 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สำนักงานชลประทานที่ 12 กรมชลประทาน ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำลงสู่ทางด้านท้ายเขื่อน ปราการด่านสุดท้าย ที่เป็นกุญแจสำคัญก่อนน้ำเข้าสู่กรุงเทพมหานครฯ เพื่อรองรับมวลน้ำเหนือที่จะไหลลงมาสมทบ อีกทั้งยังมีการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบของพื้นที่ทางด้านท้ายน้ำ 

สำหรับปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,551 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.46 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 12.46 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 4.24 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 1,399 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นวันที่ 3 ตามแผนกรมชลประทานในการตรึงอัตราการระบายน้ำ จึงส่งผลทำให้ที่สถานี C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,413 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้กรมชลประทาน ยังขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำ ในพื้นที่ 11 จังหวัดของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรีปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานครฯ ยังคงต้องเฝ้าติดตาม และเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด