จากกรณีครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ต้องหาม ด.ช.โจ๋ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 มีอาการหลอน ตรวจพบฉี่สีม่วง ซักประวัติพบเสพมาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 ใช้ป่าอ้อยในหมู่บ้านเป็นแหล่งมั่วสุม ระบุเกลื่อนทั้งหมู่บ้าน ยาเม็ดละ 15 บาท ถูกกว่าผงชูรสกับน้ำตาลทรายอีก
2 พฤศจิกายน 2566 รายงานข่าวแจ้งว่า มีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้นำตัว ด.ช.โจ๋ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ไปส่งโรงพยาบาลห้วยราช หลังจากพบมีอาการผิดปกติเหม่อลอยเป็นบางครั้ง คลั่งตะโกนเป็นบางครั้ง ทำให้เพื่อนักเรียนช้ัน ม.1 ด้วยกันตื่นตระหนก ก่อนแจ้งคุณครูทราบ และจากการตรวจปัสสาวะของ ด.ช.โจ๋ เบื้องต้นพบฉี่เป็นสีม่วง เมื่อมีการซักประวัติ ด.ช.โจ๋ ยอมรับว่าเสพยาบ้ามาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 ตอนนั้นอายุ 11 ปี โดยมีเพื่อนรุ่นพี่ชักชวนไปมั่วสุมตามป่าอ้อยในหมู่บ้าน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ ด.ช.โจ๋ ก่อนพบกับ นางถนอม (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ยาย ด.ช.โจ๋ และนางสวิชตา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์
ทั้งนี้ นางถนอม (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ยายเด็ก เล่าว่าแม่ของ ด.ช.โจ๋ มีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว ไม่มีเวลาดูแล จึงนำมาฝากให้ตนมาเลี้ยง ปกติไม่เคยรู้ว่าหลานไปไหน หรือเสพยาอะไรหรือไม่ จนกระทั่งครูมาแจ้งว่าหลานหลอนยา รู้สึกตกใจมาก โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าหลานเสพมาตั้งแต่อยู่ ป.5 อยากให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานรัฐลงมาปราบปรามการระบาดยาเสพติดหน่อย ตอนนี้เยาวชนในพื้นที่จะเสียคนหมดแล้ว
ด้าน นางสวิชตา (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน เล่าว่า ยาบ้าตอนนี้มีทุกแห่ง ทุกหมู่บ้าน จำนวนวัยรุ่นที่เสพติดน่าจะมีมากกว่าวัยรุ่นที่ไม่เสพ จนกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะยาบ้าราคาถูกมากเม็ดละ 15 บาทเท่านั้น ถูกกว่าผงชูรสกับน้ำตาลทรายอีก แถมยังซื้อหาง่าย จนเด็กๆติดกันงอมแงม อยากให้รัฐบาลมีการปราบปรามยาเสพติดให้ห่างจากสังคมโดยเร็วตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายออกมา เนื่องจากตอนนี้คนเสพยาบ้าหลอนจนเสียสติก็มีเยอะ แต่ไม่มีใครแก้ไขปัญหาได้ ปล่อยให้มาสร้างปัญหาให้กับชุมชน โดยอ้างว่าคนบ้า รวมถึงจำนวนยาบ้าในการครอบครองว่าควรจะกี่เม็ด ส่วนตัวคิดว่าตั้งแต่ 1 เม็ดเป็นต้นไป จึงจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว ก่อนที่เยาวชนจะเป็นทาสยาเสพติดกันถ้วนหน้า