16 สิงหาคม 2566 เวลา 15.00 น. กล้องวงจรปิดบริเวณถนนสายมาบไผ่ - เกาะไม้แหลม (แยกยี่กงษี) จ.ชลบุรี จับภาพขณะคนร้ายเป็นชายขี่รถ จยย.ตามหลังประกบเหยื่อ ก่อนเอื้อมมือกระชากสร้อยคอทองคำ หลังก่อเหตุคนร้ายขี่รถ จยย.ย้อนกลับ เพื่อหลบหนี โดยมีพลเมืองดีที่พยายามสกัดจับกระโดคคว้าตัว แต่ไม่ทัน คนร้ายได้ขี่รถออกสู่ถนนสายหลัก
พ.ต.อ.สมชาย ทิวงษา ผกก.สภ.บ้านบึง จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน นำกำลังเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ เบื้องต้นทราบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 ราย ขับขี่รถ จยย.ประกบสาวชาวเมียนมา ผู้เสียหาย กระทั่ง พอคนร้ายสบโอกาส ได้เร่งเครื่องตามใช้มือซ้ายกระชากสร้อยคอทองคำผู้เสียหาย ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท มูลค่า 31,500 บาท 1 เส้น จี้ทองคำรูปใบไม้มูลค่า 5,000 บาท 1 ชิ้น รวมทรัพย์สิน เป็นมูลค่า 36,500 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่สายตรวจพบผู้ต้องสงสัยขี่รถ จยย.สีฟ้า มาตามถนนสาย 344 มุ่งหน้าเข้าเขตเทศบาลเมืองบ้านบึง จึงวิทยุสกัดเพื่อตรวจสอบ ตำรวจสายตรวจตามมาถึงจึงเรียกให้หยุดรถ ชายคนดังกล่าวมีอาการตกใจ ตำรวจขอตรวจค้นพบสร้อยคอทองคำที่กระเป๋ากางเกงข้างซ้าย หลังจากนั้นจึงนำตัวมาสอบสวนที่โรงพักบ้านบึง และให้ผู้เสียหายมาดูตัว ยืนยันว่าใช่คนที่ก่อเหตุ และสร้อยคอทองคำที่พบก็เป็นของผู้เสียหาย ทราบชื่อคนก่อเหตุต่อมา คือ นายราเชนทร์ อายุ 24 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์
สอบถามสาวชาวเมียนมา อายุ 31 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.มากับน้องชาย มากดเงินสดที่ร้านสะดวกซื้อ หลังกดเงินเสร็จจึงขี่รถกลับที่พัก ขับออกไปตามถนนสายยี่กงษี - เกาะไม้แหลม ได้ประมาณ 200 เมตร ก็มีคนร้ายขี่รถประกบด้านหลังกระชากสร้อยคอทองคำ 1 บาท 1 เส้น ที่มีจี้ทองคำรูปใบไม้ติดมือไป ตนขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านบึง ที่ทำงานกันอย่างรวดเร็ว จนสามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้
จากการสอบสวนนายราเชนทร์ อ้างว่า กระชากสร้อยเพราะตกงานมานาน 4 เดือนแล้ว ไม่มีเงินใช้จ่าย ได้ทรัพย์สินแล้วจะเอาไปขาย นำเงินมาใช้จ่าย ไม่ได้เจาะจงเหยื่อ พอเห็นและมีโอกาสก็ลงมือทันที
เบื้องต้น จากการค้นประวัติของผู้ก่อเหตุพบว่า เคยถูกจับดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันมาแล้วถึง 4 ครั้ง ทางพนักสอบสวนได้ตั้งข้อหา ชิงทรัพย์ในเวลากลางวัน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแกการพาทรัพย์นั้นไป และจะสอบสวนเพิ่มเติมว่าเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาอีกหรือไม่ จากนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป