svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

ทายาทผู้สร้าง "ครูกายแก้ว" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

หลานชาย "อาจารย์สุชาติ รัตนสุข" ผู้ก่อตั้งเทวาลัยพระพิฆเนศ ห้วยขวาง เล่าประวัติ "ครูกายแก้ว" ยืนยันไม่ใช่เวตาล แต่เกิดจากนิมิตของพระ ไปนั่งกรรมฐานที่นครวัด พร้อมเตือนอย่าพิเรนทร์บูชายัญหมาแมว

16 สิงหาคม 2566 จากกรณีกระแสความเชื่อและความศรัทธา "ครูกายแก้ว" หรือ พ่อใหญ่ บรมครูผู้เรืองเวทย์ ที่ช่วยประทานพรให้ประสบความสำเร็จ เงินทองไหลมาเทมา ให้โชคลาภกับผู้ที่กราบไหว้บูชา แต่ล่าสุดมีการถกเถียงกันถึงประวัติศาตร์ความเป็นมา รวมทั้งในโซเชียลมีการแนะนำว่า ถ้าจะบูชาครูกายแก้วให้สัมฤทธิ์ผล ต้องบูชายัญด้วยสุนัขและแมว จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ทายาทผู้สร้าง \"ครูกายแก้ว\" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

16 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังเทวลัยสถานบางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ รัตนสุข อายุ 42 ปี ผู้ก่อตั้งเทวลัยพระพิฆเนศบางใหญ่ ซึ่งภายในเทวลัยแห่งนี้มีรูปปั้นครูกายแก้วขนาดเท่าคนจริง ประทับอยู่ที่เทวลัยมานานกว่า 4 ปี เพื่อเปิดให้ผู้คนที่มีความเชื่อได้เดินทางมาสักการะได้ตลอดเวลา เนื่องจากเทวลัยแห่งนี้เปิด 24 ชั่วโมง

ทายาทผู้สร้าง \"ครูกายแก้ว\" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสืบต่อเจตนารมณ์บรมครูอาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้ก่อตั้งเทวาลัยพระพิฆเนศ ห้วยขวาง พระตรีมูรติที่แยกราชประสงค์ เศรษฐีชุมพรที่ธนาคารกสิกรสำนักงานใหญ่ ตนในฐานะที่เป็นหลานของอาจารย์สุชาติ ซึ่งได้ร่ำเรียนสืบทอดวิชาต่อมาจากอาจารย์สุชาติ ไม่ต้องการให้วิชาเหล่านี้สูญหายไป จนเห็นว่าในพื้นที่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอาจารย์สุชาติเอง ยังไม่มีเทวาลัยสถานที่เปิดให้ผู้คนเข้ามากราบสักการะอย่างเป็นทางการ

กระทั่งต่อมาตนมาได้พื้นที่บริเวณบางใหญ่ และเห็นว่าการสร้างเทวาลัยพระพิฆเนศแห่งนี้จะเป็นสาธารณะประโยชน์แก่ทุกคนและให้ทุกคนมีที่พึ่งพิงทางจิตใจ ไม่ต้องเดินทางไกล จึงได้ตัดสินใจใช้พื้นที่แห่งนี้สร้างเป็นเทวาลัยสถาน อัญเชิญรูปเคารพเทพเทวาต่าง ๆ รวมทั้งรูปปั้นของครูบากายแก้วด้วย ซึ่งเป็นบรมครูที่อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ให้ความเคารพนับถือ มาตั้งแต่หลังสร้างเทวลัยสถานแห่งนี้เมื่อปี 2562 เพื่อให้ผู้คนมากราบไหว้ขอพรตามความเชื่อ

ทายาทผู้สร้าง \"ครูกายแก้ว\" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

นายณัฐวุฒิ ได้เล่าที่มาของครูกายแก้ว ว่า เกิดจากพระสงฆ์รูปหนึ่งที่จังหวัดลำปาง ได้ไปนั่งกรรมฐานที่นครวัด จนไปพบกับดวงจิตของครูกายแก้ว จากนั้นก็ได้รูปปั้นครูกายแก้ว ติดตัวกลับมาด้วย ก่อนรูปปั้นดังกล่าวจะตกไปอยู่กับ อ.ถวิล มิลินทจินดา แล้วก็ตกทอดมาสู่ อ.สุชาติ รัตนสุข อีกทอดหนึ่ง ซึ่ง อ.สุชาติ ก็ได้นำรูปปั้นเก็บไว้ที่สำนักที่ย่านบางพลัดมานานกว่า 40 ปี ขนต่อมา อ.สุชาติ ได้นิมิตรเห็นรูปลักษณ์ รูปร่างของครูกายแก้ว จึงได้เรียกช่างมาปั้นรูปเหมือนครูกายแก้ว ตามแบบที่นิมิตเห็นคือเป็นรูปครูกายแก้ว ในปางยืนซึ่งเป็นองค์ปฐมต้นแบบ ก่อนจะมาสร้างเป็นปางนั่งในภายหลัง

ทายาทผู้สร้าง \"ครูกายแก้ว\" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

ตนในฐานะหลานของ อ.สุชาติ ซึ่งได้ศึกษาเรียนรู้หลักต่าง ๆ มาจาก อ.สุชาติ ซึ่งเป็นต้นสายของการบูชาครูกายแก้ว ท่านได้กำชับเตือนกับตนเอาไว้ว่า ห้ามเด็ดขาด อย่านำของสดไปไหว้บูชาครูกายแก้ว ให้นำแต่ผลไม้ ดอกไท้ ขนมหวาน หรือทองคำไปไหว้สักการะเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาจะเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้นับถือครูกายแก้ว ที่มีอยู่ประมาณ 300-400 คน ว่า ครูกายแก้วไม่ชอบของสด การตั้งโต๊ะทำพิธีจึงใช้วิธีจำลองขนมหรือถั่วต่าง ๆ ให้เป็นรูปของสดต่าง ๆ แทน ทั้งหัวหมู ไก่ เป็ด กุ้ง เป็นต้น จนกระทั่งเมื่อเริ่มมีกลุ่มผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้น อ.สุชาติ จึงตัดสินใจนำรูปปั้นครูกายแก้ว ออกไปตั้งให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้ที่แรกคือ เทวลัยพระพิฆเนศห้วยขวางและที่อาเขต

ประเด็นที่มีผู้คนในโซเซียลไปแนะนำว่าให้นำสุนัขหรือแมวไปบูชายัญครูกายแก้ว นั้น เป็นความเชื่อที่ผิดเพราะจากที่ตนศึกษากับ อ.สุชาติมา อ.สุชาติ ไม่เคยทำพิธีบูชาด้วยของสดแม้แต่อย่างเดียว การจะบูชาครูกายแก้ว ไม่จำเป็นต้องไปเบียดเบียนชีวิตใครก็สามารถขอพรได้แล้ว แต่นี้แค่เริ่มต้นก็ไปทำกรรมแล้วไม่เป็นมงคล แล้วจะไปรับสิ่งที่เป็นมงคลได้อย่างไร 

ทายาทผู้สร้าง \"ครูกายแก้ว\" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

ตนขอพูดและฝากไปถึงคนที่คิดวิธีดังกล่าวด้วยในฐานะคนต้นสาย เพราะที่ผ่านมาตนก็กราบไหว้บูชามา 3-4 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาทำตามกระแสในตอนนี้ การบูชาครูกายแก้วต้องบูชาให้ถูกต้อง มากราบไหว้ท่านด้วยความศรัทธา และท่านก็ไม่ใช่เทพและไม่ใช่อสูร เพราะชื่อของท่านก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นครู และยังเป็นครูที่ อ.สุชาติ ท่านนับถือเป็นครูของท่านอีกองค์ ซึ่งในแต่ละปี อ.สุชาติ เองก็จะทำการปั้นรูปบูชาครูต่าง ๆ ของท่านออกมาปีละองค์ ดังนั้นเมื่อต้นสายยังไม่ไหว้ของสด ก็อย่าไปพิเรนทร์คิดอะไรเองขึ้นมา ให้ทำตามแบบที่เขาปฎิบัติกันมาเท่านั้น

เรื่องการขอพรหากขอการเงินก็ให้จับมือซ้ายแล้วอธิษฐาน การงานก็ให้จับมือขวาแล้วอธิษฐานแค่นั้นก็ขอ เมื่อได้ผลสำเร็จก็แค่กลับมาไหว้ท่านเท่านั่น ครูกายแก้วไม่ได้ต้องการอะไรจากเรา นอกจากสัจจะเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญตาม อ.สุชาติ บอกไว้ ส่วนกระแสวัตถุมงคลของครูกายแก้ว ที่กำลังเป็นมีราคาสูงขึ้นไปมากนั้น ตนเชื่อว่าวัตถุมงคลของครูกายแก้ว จะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ก็ล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน และยืนยันว่าทางต้นสายนี้ไม่มีการปั่นราคาวัตถุมงคลให้ขึ้นราคา ไม่ใช่วิธีการของสายนี้

ทายาทผู้สร้าง \"ครูกายแก้ว\" ยันไม่ใช่เวตาล ห้ามบูชายัญหมาแมว

นายณัฐวุฒิ อีกว่า ส่วนกระแสโจมตีครูกายแก้ว ที่บอกว่าไม่มีในประวัติศาสตร์ หรือเป็นตัวเวตาล ตนขอเรียนว่าเรื่องบางสิ่งบางอย่างต้องลองเปิดใจดูก่อน บางเรื่องรู้ได้เฉพาะตน จึงไม่ขอไปก้าวล่วงครูบาอาจารย์ของใคร เพราะแต่ละคนตนก็เชื่อว่าทุกคนก็ย่อมมีครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ อย่างองค์พระพิฆเนศเอง หรือพระพรหมก็ดี ตนถามว่าเคยมีใครเห็นตัวเป็น ๆ ของท่านหรือไม่ ทุกอย่างอยู่ที่ความศรัทธาและความเชื่อของบุคคล แค่ความเชื่อและความศรัทธานั้นไม่ได้ไปเบียดเบียนชีวิตใคร เราก็มีสิทธิศรัทธาในความเชื่อของเราเอง 

ตนขอยืนยันว่าครูกายแก้ว คือครูบาอาจารย์ เวตาลก็คือเวตาล อย่าเอาไปเหมารวมกัน ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของครูกายแก้วนั้น ที่ผ่านมาก็ลูกศิษย์หรือคนที่มาบนบานขอพรจนสำเร็จเดินทางนำสร้อยทองคำมาถวายเป็นประจำ ซึ่งปัจจุบันมีนำหนักรวมประมาณ 50 บาท ซึ่งทางเทวลัยก็จะนำทองเหล่านี้ไปหลอมสร้างพระประธานในวาระต่าง ๆ ต่อไป