12 กรกฎาคม 2566 จากกรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้มบรรทุกซากเสาไฟฟ้าสับปะรดไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ถนนสุขสมบูรณ์ เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ใช้รถคันเดิมไปซื้อคืนเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ขณะที่หลายหน่วยงานภาครัฐได้ตรวจสอบหาเจ้าของงบประมาณที่จัดซื้อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้อง ที่นำเสาไฟไปขายร้านรับซื้อของเก่า
ทั้งนี้ เสาไฟฟ้าสับปะรด มีราคารวมทั้งสิ้นต้นละ 80,000 - 100,000 บาท ก่อสร้างมากกว่า 300 ต้น ติดตั้งบริเวณสันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 8 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
นายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จังหวัดได้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์สอบสวนข้อเท็จจริง และรายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด นอกจากนั้นจะต้องขอให้เทศบาลชี้แจงการรับมอบทรัพย์สินเสาไฟสับปะรดความสูง 4 เมตร ให้จังหวัดรับทราบ
ส่วนจะเชิญเทศบาล โยธาจังหวัด สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานจังหวัด ที่เกี่ยวข้องกับเสาไฟสับปะรด 135 ต้น ตั้งแต่สะพานคลองบางนางรม ถึงรั้วกองบิน 5 มาหารือภายหลังหรือไม่ เบื้องต้นคงต้องรอการชี้แจงจากเทศบาลเมืองฯ
จากภาพเสาไฟสับปะรดทรัพย์สินของทางราชการ ไปปรากฎในร้านรับซื้อของเก่า เทศบาลก็คงต้องแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยการไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านของเก่า เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา พร้อมตรวจสอบเอกสาร บันทึกการขอใช้รถยนต์ของทางราชการ แล้วรายงานให้จังหวัดทราบ
ด้าน จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบพบว่ามีเสาไฟสับปะรด 3 ต้น ถูกนำไปกองไว้ริมบ่อบำบัดน้ำเสียด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเทศบาล มี 1 ต้น ลักษณะคล้ายกับที่พบในร้านรับซื้อของเก่า อีก 2 ต้นที่กองอยู่ใกล้กัน มีสภาพเก่าและมีวัชพืชปกคลุม
ต่อมาได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้เป็นเอกสารหลักฐานยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังจากผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯ ยืนยันว่าไม่เคยรับมอบทรัพย์สินโคมไฟสับปะรดไว้ดูแลตามอำนาจหน้าที่ แต่เหตุใดจึงมีการนำเสาไฟซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ไปกองทิ้งไว้ริมบ่อบำบัดน้ำเสีย
แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ต้องไปตรวจสอบบันทึกหลักฐาน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าเสาไฟเป็นของหน่วยงานใด เหตุใดจึงถูกนำมากองทิ้งไว้ในสถานที่รับผิดชอบของเทศบาลเมืองประจวบฯ โดยไม่เป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนของทางราชการ
สำหรับเสาไฟสับปะรดตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงสะพานบางนางรม ขอให้จังหวัดตรวจสอบเสาไฟที่สูญหาย จากจำนวน 60 ต้น ซึ่งส่วนใหญ่ชำรุด ไม่สามารถใช้การได้ มีเสาไฟที่ถูกถอดออกไปจากสันเขื่อน 24 ต้น แต่พบกองเป็นซากในบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล 3 ต้น ที่เหลือไม่ทราบว่าถูกเก็บไว้ที่ใด หรืออาจถูกลักลอบนำไปขายหรือไม่
ทั้งนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและชาวประมงที่ใช้พื้นที่ในค่ายลูกเสือม่องล่ายจอดเรือ ว่าเสาไฟไฮแมสราคาต้นละเกือบ 1 ล้านบาท เสาไฟโคมสับปะรดสูง 6 เมตร ต้นละ 1 แสนบาท ที่ติดตั้งในชุมชนม่องล่าย ไม่สามารถใช้การได้นานหลายปี
ตรวจสอบพบว่ามีการจัดซื้อโดยโยธาจังหวัด มีการใช้พื้นที่ทำโครงการในค่ายลูกเสือโดยพลการ ไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ที่มีโฉนด เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างและการปรับปรุงภูมิทัศน์ ปัจจุบันโครงการนี้เริ่มจากสะพานคลองบางนางรม มีการติดตั้งเสาไฟสับปะรด 180 ต้น แต่เทศบาลยังไม่รับมอบทรัพย์สิน
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมซีไซด์ ชุมชนหัวบ้าน เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้บันทึกภาพเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้มไปเก็บเสาไฟสับปะรดผุที่สันเขื่อนริมถนนเลียบชายทะเล เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 บันทึกภาพเมื่อเวลา 14.42 น. โดยพนักงานโรงแรมไม่ทราบว่าหลังจากนั้นจะมีการนำเสาไฟสับปะรดไปเก็บไว้ที่ใด
สำหรับจุดที่ไปเก็บเสาชำรุดที่จัดซื้อโดยกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 75 ต้น ในปี 2556 ติดตั้งตั้งแต่สะพานสราญวิถีไปจนถึงรั้วกำแพงกองบิน 5 ปัจจุบันมี 68 ต้น ถูกถอดออกไป 7 ต้น นำไปกองเก็บเป็นซากที่สำนักงานท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดประจวบ จำนวน 3 ต้น อีก 4 ต้น ไม่ทราบว่าถูกเก็บรักษาไว้ที่ใด