6 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายนพพล ทองดี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตะโกล่าง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ว่ามีเด็กชายอายุ 11 ปี เดินเก็บขวดระหว่างทางกลับบ้านเพื่อนำไปขายหาเลี้ยงแม่แท้ ๆ พิการเดินไม่ได้มากว่า 3 ปี ทางผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนดังกล่าว
เมื่อไปถึงพบกับ น.ส.ปาริฉัตร วงศ์อัยรา ครูประจำชั้นของนักเรียนชั้นป. 6 ทราบว่า ได้มาเจอบ้านนี้เพราะทางโรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน โดยในระหว่างการดำเนินกิจกรรมนั้นก็ได้ไปที่บ้านของ ด.ช.ศรัณย์ อายุ 11 ปี แต่ที่ผ่านมาเพื่อน ๆ ในห้องก็จะพูดว่าที่บ้านของด.ช.ศรัณย์ มีโซล่าเซลล์ด้วยก็คิดว่ามีเงินมีฐานะพอมาเจอก็รู้สึกสงสาร ห้องน้ำไม่มีประตูต้องใช้ผ้าปิดไว้ ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตัวบ้านเองก็ไม่ปลอดภัย มีเพียงแสลนตาข่ายปิดรอบตัวบ้าน
เบื้องต้น ทราบว่า ด.ช.ศรัณย์ อาศัยอยู่กับแม่ที่พิการตั้งแต่ช่วยเอวลงไปไม่สามารถเดินได้มือขวามีอาการสั่น ไม่สามารถหยิบจับสิ่งของได้อย่างปกติ สภาพบ้านมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก รอบบ้านใช้สแลน ปิดเพื่อบังไม่ให้ฝนสาด พื้นบ้านใช้ไม้ไผ่ทุบเป็นซี่แล้วนำมาปูเป็นพื้นบ้าน
นอกจากนี้ที่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้เนื่องจากไม่มีเงินจ่าย ก็จะอาศัยเพื่อนบ้านขอหุงข้าววันละหนึ่งครั้ง ไฟก็จะใช้เพียงแผงโซล่าเซลล์ต่อลงมากับหลอดไฟ ใช้ได้ไม่นานก็หมดไฟ ที่ผ่านมาก็จะอาศัยเพื่อนบ้านและญาติๆ นำมาแบ่งปันให้และด.ช.ศรัณย์ ก็จะคอยออกหาเก็บของเก่า เช่น ขวดน้ำพลาสติก ลังกระดาษ กระป๋องน้ำอัดลม ขวดแก้ว ฯลฯ เก็บรวบรวมนำไปขายเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ใช้ซื้ออาหารและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตนก็เลยตัดสินใจบอกผอ.ให้ติดต่อหน่วยงานที่สามารถช่วยเหลือแม่กับลูกนี้ได้
โดยชีวิตประจำวันของ ด.ช.ศรัณย์ ก็จะต้องตื่นตี 5 มาหุงข้าวทอดไข่ให้แม่กินทุกเช้าก่อนจะเดินทางไปโรงเรียน หลังจากเลิกเรียนก็จะเก็บขวดตามถังขยะระหว่างทาง กลับมาบ้านเพื่อรวบรวมและนำไปขายแต่ก็ได้ไม่มาก อีกทั้ง ยังต้องเก็บไว้ใช้ในครอบครัวและใช้ไปโรงเรียนอีกด้วย ส่วนตัวอยากให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของนักเรียนและครอบครัวนี้เป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็ยังดี เพราะน้องมีความกตัญญูรักแม่วอนผู้ใจบุญร่วมช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย
ด้าน น.ส.พร อายุ 43 ปี ผู้เป็นมารดา ด.ช.ศรัณย์ เล่าว่า อยู่ๆ ขาของตนก็ไม่มีแรงไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ไปหาหมอก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร เป็นมา 20 กว่าปีที่ผ่านมาก็ยังพอประคองตัวได้ จนมาเมื่อ 3 ปีก่อนไม่สามารถเดินได้เลย เมื่อก่อนยังพอมีรายได้ก็มีไฟใช้จนไม่มีรายได้เข้ามา ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟเลยตัดสินใจนำไฟออกและมาใช้เตาแก๊สทำอาหารจนมาถูกน้ำร้อนราดใส่ขาก็เลยรู้สึกไม่ไหวตัดสินใจให้ลูกชายกลับมาอยู่ด้วย แต่เดิมเรียนอยู่ที่อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี มีมูลนิธิช่วยเหลืออยู่ ตนอยู่คนเดียวก็รู้สึกกลัวถ้าวันไหนเพื่อนบ้านหรือญาติไม่ได้นำข้าวมาให้วันนั้นตนก็จะไม่ได้กินข้าว พอลูกกลับมาก็ช่วยแม่ได้เยอะ ตนได้กินข้าวทุกวัน ก่อนจะไปโรงเรียนก็ทำกับข้าวให้กิน ตนรู้สึกภูมิใจกับลูกคนนี้แต่ก็สงสารลูกมากที่ต้องมารับภาระดูแลแม่ตั้งแต่ยังเด็ก