เหยื่อร้อง ตร.เชียงใหม่ ถูกหลอกขาย "ที่ดินทิพย์" สูญเงินกว่า 100 ล้าน

12 มิถุนายน 2566 ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้เสียหายจากการถูกหลอก ซื้อที่ดินทิพย์ ในจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 200 คน เข้าร้องเรียน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเชียงใหม่ จากกรณีที่ เจ้เปิล นางพิชามญชุ์ และ สามีได้ ขายที่ดินจัดสรร ในราคาถูก

โดยขายเป็นเงินผ่อนรายเดือนระยะยาวไม่มีดอกเบี้ย ในพื้นที่ อ.สารภี , อ.แม่ริม , อ.สันกำแพง  และพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำพูน หลังมีการขึ้นป้ายโฆษณาทางสื่อออนไลน์ ขายที่ดินราคาถูก จนนำไปสู่การถูกหลอกจำนวนมาก หลังจ่ายเงินงวดตามสัญญา กลับพบว่า ที่ดินจัดสรรที่ซื้อไว้ไม่มีการพัฒนาระบบ สาธารณูปโภค และที่ดินดังกล่าว ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของ บริษัท ที่ผู้เสียหายซื้อ 

 

นายนัตถ์ธนินทร์ สินเพ็ญ อายุ 51 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า การหลอกขายที่ดิน สองสามี ภรรยา จะขึ้นป้ายโฆษณา ตามจุดย่านชุมชน ลงโฆษณาใน โซเชียลมีเดีย ขายที่ดินจัดสรรในราคาถูก ซึ่งมีการระบุตัวเลขราคาชัดเจน รวมถึงสามารถผ่อนชำระ กับทางบริษัทโดยตรง ไม่ผ่านสถาบันการเงินหลัก ใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น

ทำให้ประชาชนที่ต้องการมีที่ดิน หลงเชื่อเข้าไปติดต่อซื้อ ที่ดิน โดยในสัญญา จะมีการอ้างผ่อนชำระ แบบไม่เสียดอกเบี้ย  และผ่อนชำระเกิน 6 เดือน สามารถเข้าไปสร้างที่อยู่อาศัยได้ บางคนผ่อนครบสัญญา แต่ไม่สามารถ โอน กรรมสิทธิ์ ได้ จึงนำไปสู่การตรวจสอบ กลับพบว่า ที่ดินที่ตนเองซื้อ ไม่ใช่ที่ดินของบริษัท จึงรวมกลุ่มกันแจ้งความดำเนินคดี ล่าสุด พบผู้เสียหายกว่า 200 คน มูลค่าความเสียหายเกินกว่า 100 ล้านบาท

ขณะที่ผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ ที่เข้ามาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ มีครอบครัว มีลูก และหวังจะมีที่ดิน ปลูกบ้านเป็นของตัวเอง โดยเห็น โฆษณา ผ่าน สื่อโซเชียลมีเดีย ขายที่ดิน ราคา ถูก และใช้หลักฐานเพียงบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น

จึงให้ภรรยาชาว อ.เชียงดาว เป็นผู้ซื้อที่ดิน ใน อ.เมือง จ.ลำพูน เนื้อที่ 54 ตารางวา ราคา 3 แสน 1 หมื่น บาท โดยจ่ายเงินมัดจำ 93,900 บาท และผ่อน ชำระงวดละ 6,086 บาท เป็นเวลา 36 งวด  ล่าสุดผ่อนชำระแล้ว 18 งวด ซึ่งตามที่ทำสัญญาไว้ จะต้องมี การทำระบบไฟฟ้า น้ำประปา และ ปรับพื้นที่   

แต่จากไปตรวจสอบที่ดิน ล่าสุด พบว่า ยังไม่มีการโอน หรือ ซื้อที่ดิน ของบริษัทที่ทำสัญญาด้วย จึงได้ติดต่อเพื่อยกเลิกสัญญา และ ขอเงินคืน แต่กลับถูกเพิกเฉย จึงได้เข้าแจ้งความในครั้งนี้ เพราะ เงินที่จ่ายไปเป็นเงินเก็บสะสมมาทั้งชีวิต ที่หวังจะสร้างครอบครัวให้มั่นคง  
 

ล่าสุด พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจผู้ธรภาค 5 เปิดเผยว่า ได้มีการออกหมายจับ ผู้ต้องหา ทั้ง 2 คน แล้ว คาดว่า จะได้ตัวผู้ต้องหาเร็ว ๆ นี้ โดยตำรวจได้เร่งติดตามตัว และอายัดบัญชี ก่อนจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า มีความเชื่อมโยง กับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ และ ต้องตรวจสอบว่า มีผู้ร่วมขบวนการ โดยเฉพาะ พนักงานขายว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ โดยคดีนี้ถือว่า มีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อรวบรวมข้อมูลให้เร็วที่สุด