15 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้าการจัดซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก ปี 2022 ล่าสุด มีงานว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ได้ออกหมายเชิญชวนสื่อมวลชน ร่วมประชุมหารือ และรับฟังเงื่อนไขในการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ การสนับสนุนการถ่ายทอดสด ที่ กกท. กำหนด และตามเงื่อนไขที่ตกลงกับ FIFA ในการแข่งขันฟุตบอลโลก วันพรุ่งนี้ (16 พ.ย.) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
๐ "บิ๊กป้อม" แจง ครม. "บอลโลก" ได้ดูแน่แต่ไม่ครบทุกคู่
๐ ลุ้นกันต่อไป "บิ๊กตู่" เผย ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก อยู่ระหว่างเจรจา
๐ คนไทยเฮ! "วิษณุ" เผย ยืมเงิน ครม. ซื้อลิขสิทธิ์ดูบอลโลกได้
๐ ฟีฟ่าลดราคา "ลิขสิทธิ์บอลโลก" แค่เล็กน้อย กกท.สู้ไม่ไหว ขอต่อรองอีกรอบ
มีรายงานว่า การออกกำหนดการเชิญสื่อมวลชน เพื่อร่วมฟังรายละเอียด เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ การเจรจาเงื่อนไขข้อตกลงกับทางฟีฟ่า เพื่อถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 กำลังเป็นไปด้วยความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องจากทาง กกท. ยังได้ส่งเอกสารแนบ เกี่ยวกับรายชื่อผู้ได้รับอนุญาต ให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรทัศน์ ของสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้ชมฟรี
ก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก สามารถใช้งบประมาณกลาง จ่ายค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้หรือไม่ ว่า ในอดีตเคยมี แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ควร เพราะเป็นต้นปีงบประมาณ และตอนนี้ยังมีภัยธรรมชาติอีกหลายอย่าง และคาดการณ์ไม่ได้ว่า อีก 11 เดือนข้างหน้า เกิดอะไรขึ้น
ไม่ทราบว่า กกท. จะหาทางออกในเรื่องดังกล่าวอย่างไร แต่ต้องไปชั่งน้ำหนักว่า มีเหตุผลสมควรหรือไม่ ที่จะเอาเงินกองทุนไปจ่าย เพราะอาจมีรายจ่ายอื่นที่จำเป็นมากกว่า และที่ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก เพราะอยากตอบสนองคนที่อยากดูฟุตบอล แต่มันจะคุ้มค่าหรือไม่ก็ค่อยว่ากัน ราคาถ้าราคาไม่แพง ถ้าคุ้มก็โอเค แต่ถึงขนาด 1,600 ล้านบาท มันแพงไปหน่อย และได้ยินว่าบางประเทศถูกกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า สามารถยืมเงิน ครม. โดยใช้งบบางส่วนหากได้ค่าสปอนเซอร์แล้วค่อยมาคืนได้หรือไม่ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่อาจจะไม่ได้ทำอย่างที่สื่อถาม แต่สรุปคือ 1. ยืม 2. คืนทีหลัง แต่อย่าไปบอกว่า ยืมจากเงินอะไร แต่ไม่ควรใช้งบประมาณกลาง และอาจจะใช้งบจากกองทุนกีฬาก็ได้
ส่วนจะหารือกันในที่ประชุมหรือไม่ เพราะฟุตบอลโลกใกล้จะแข่งขันแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ปัญหา แต่คนที่รู้ปัญหาจะหยิบยกขึ้นมา เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมต.การท่องเที่ยวและกีฬา และเรื่องกฎระเบียบ มัสต์แฮฟ (Must Have) และ มัสต์แครี่ (Must Carry) ของ กสทช. มีคนพูดมานานแล้วว่า ควรจะสังคายนา แต่ไม่รู้ว่าทำไมไม่ทำ และตนไม่ได้ศึกษารายละเอียด สมัย คสช. เข้าไปดู กสทช. ตนคิดว่าจะต้องมีการปรับแก้ตรงนี้ให้มันคล่องตัว ซึ่งคนที่ทำคือ กสทช. แต่ไม่แน่ใจว่า เขาไม่แน่ใจว่าทำไม่ได้ หรือไม่ควรทำ