"รายการคมชัดลึก" โดยวราวิทย์ ฉิมมณี พิธีกรรายการ สัมภาษณ์ แขกรับเชิญ "รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว" คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา "รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน" คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในประเด็น เอกสารหลุด "มีชัย" ให้ "บิ๊กตู่" ไปต่อ
นักกฎหมายสวน “มีชัย” กลับความเห็นไม่น่าเชื่อถือ
"มุนินทร์ พงศาปาน" - ถ้าเอกสารที่ถูกเผยแพร่ออกมาเป็นเอกสารที่แท้จริง ตั้งแต่ตัวความเห็นของคุณมีชัยที่ให้กับศาลรัฐธรรมนูญเป็นเอกสารที่แท้จริง รายงานการประชุมครั้งที่ 500 เป็นเอกสารที่แท้จริง แล้วเอกสารหลังสุดเป็นเอกสารที่แท้จริง เราก็จะเกิดคำถามกับเอกสารที่เป็นความเห็นของ"คุณมีชัย"ที่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญว่ามันมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน เพราะว่าวางอยู่บนข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน
อย่างที่ได้นำเสนอไป ว่า"คุณมีชัย"เข้าใจว่าการประชุมครั้งที่ 500 มันเป็นครั้งสุดท้าย จริงๆแล้วไม่ใช่ครั้งสุดท้ายจริงๆไม่ใช่ครั้งสุดท้าย จริงๆเป็นครั้งที่ 501 เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 501 ก็มีการรับรองรายงานการประชุมนั้นหมายความว่ากรรมการร่างทุกคนก็เห็นพ้องด้วยว่าทุกอย่างถูกต้อง ที่มีการประชุมไปครั้งที่ 500
ในส่วนตัวของผมมองว่านี่มันเป็นปัญหาใหญ่มากทำให้ในทางกฎหมายต้องถือว่าพยานหลักฐานที่ให้ไปมันไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเองก็จะต้องพิจารณาอย่างหนักในเรื่องของการรับฟังพยานหลักฐาน
แต่ที่น่าสนใจมากพอๆกัน ก็คือข้อความในรายงานความเห็นของ"คุณมีชัย" ที่เสนอไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ "คุณมีชัย"จะพูดในประเด็นที่ว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ไม่มีผลย้อนหลังใช่ไหมครับ ผมเคยให้ความเห็นไว้ว่าจริงๆแล้ว ในการตีความนับอายุ 8 ปีมันจะมีเอกสารอยู่ 3 ชิ้นด้วยกัน ที่มจะมีความสำคัญมากที่ช่วยในการตีความ
เอกสารฉบับแรกก็คือตัวรัฐธรรมนูญเองมาตรา 158 และก็มาตรา 264 ส่วนนี้"คุณมีชัย" พยายามแก้ว่าจริงๆแล้วมาตรา 264 ไม่ได้ตีความแบบนั้นอย่างที่เราพยายามนำเสนอ เพราะฉะนั้นแล้วมันจะไม่นับระยะเวลาก่อนปี 60
เอกสารชุดที่สองที่ช่วยในการตีความ คือ ตัวบันทึกหลักการและเหตุผลของรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็มีไว้ว่าระยะเวลา 8 ปี มีเพื่ออะไร ตรงนี้น่าสนใจมากในบันทึกความเห็นของ"คุณมีชัย"ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย เรื่องของการป้องกันการผูกขาดอำนาจเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นในคำชี้แจงจากตัวบันทึกคำให้การของคุณมีชัย ซึ่งตรงนั้นอาจจะต้องพูดถึงนะ ผผมคิดว่ามันต้องพูดถึงวัตถุประสงค์เจตนารมณ์คืออะไร แล้วถ้าเกิดพิจารณาครอบคลุมกับมาตรา 158 หรือมาตรา 264 แล้วมันจะต้องเป็นยังไงก็ไม่พูดถึงเลย
เอกสารชิ้นที่สามก็คือรายงานการประชุมของคณะกรรมการร่างครั้งที่ 500 ตรงส่วนนี้"คุณมีชัย"บอกว่า จดผิดแล้วก็เป็นครั้งสุดท้าย ปรากฎว่าถ้ามันจริงอย่างที่รายงานฉบับ 501 ได้ถูกนำเสนอออกมา ก็แสดงว่าในส่วนที่สาม"คุณมีชัย"เข้าใจผิด เพราะฉะนั้นในภาพรวมถือว่าความเห็นของ"คุณมีชัย"ที่อยู่ในเอกสารที่เราเห็นก็เป็นความเห็นที่อยู่บนความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนะครับ
นับวาระรธน.ปี 60 ทางลง “บิ๊กตู่” เปิดทาง ”บิ๊กป้อม”
"โอฬาร ถิ่นบางเตียว" - ถ้าดูโครงสร้างทางการเมืองตอนนี้ เราเริ่มเห็นกลุ่มต่างๆที่หนุน"พล.อ.ประยุทธ์"ก็อยากให้"พล.อ.ประวิตร"อยู่ต่อ ในขณะที่กองเชียร์"พล.อ.ประวิตร" มีความชัดเจนที่อยากให้"พล.อ.ประวิตร" ปรับความสัมพันธ์หรือดุลอำนาจทางการเมืองเพื่อที่จะเป็นคุณกับตัวเอง แต่ถ้าข้อเสนอหรือว่าเหตุผลของ"อาจารย์มีชัย"ถูกพิจารณา เป็นส่วนหนึ่งในการพิพากษาตัดสินของรัฐธรรมนูญ แปลความว่า"พล.อ.ประยุทธ์"อยู่ต่อได้อีก 2 ปี แล้วจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน เพราะว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะเสนอชื่อ"พล.อ.ประยุทธ์"ต่อ ซึ่งอันนี้ต้องทำให้คิดหนักว่าจะไปต่อยังไงในเมื่อไปได้แค่ 2 ปี ซึ่งผมคิดว่าจะทำให้ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นทางลง"พล.อ.ประยุทธ์"ด้วย ถ้าความคิดของอาจารย์มีชัยมีผลหรือเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ทำให้พล.อ.ประยุทธ์คิดต่อว่าถ้าอยู่ 2 ปี จะมีผลต่อตัวท่านเองอย่างไรและมีผลต่อพรรคที่จะเสนอชื่อท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ทำให้เห็นว่ากลุ่มพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคสำคัญที่จะชูท่านเป็นนายกฯ ต้องประเมินว่าระยะยาวในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเสนอผู้ใด
วราวิทย์ - อาจารย์พูดเหมือนเป็นไปได้ท่านอาจจะวางมือตั้งแต่ปี 66 ถ้าครบอายุของรัฐบาลชุดนี้ เพราะว่า 2 ปีคนที่จะลงเลือกตั้งก็ต้องคิดให้หนัก
อ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว - ใช่ครับ เพราะถ้าท่านยังดื้อจะไปต่อก็จะกลับมาสู่ปัญหาเดิมก็คือ ปัญหาเรื่อง 8 ปีของท่านกลับมาอีกรอบนึง แล้วมันจะเป็นปัญหาในเมื่อรัฐบาลอยู่ต่อได้แต่นายกฯครบ 8 ปีครับ
ตอนนี้ถ้าอยู่ได้ถึงปี 68 ตอนนี้ในระยะรักษาการทำได้แค่รักษาการปกติไม่สามารถปรับดุลอำนาจอะไรได้แน่นอน แต่จะต้องเริ่มหลังจากการหมดวาระลงของรัฐบาลชุดนี้หรืออาจจะยุบสภา ในส่วนนี้ตีคู่ขนานกันไปพยายามปรับโครงสร้างอำนาจของพรรค เช่นสัญญาณบางอย่างเริ่มระดมทรัพยากร ระดมบุคคลกลับมาอยู่พรรคเพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า
แต่แน่นอน เมื่อ "พล.อ.ประยุทธ์" ไปไม่ได้ ก็ต้องเป็นคนอื่นอาจจะเป็น"พล.อ.ประวิตร"เอง ซึ่งเราเห็นสัญญาณการเมืองที่ออกมาในบรรดาคนรอบข้างกองเชียร์พยายามจะยืนยันหรือพยายามจะส่งเสริมว่าพล.อ.ประวิตรนี่หล่ะ สามารถที่จะนำพาประเทศได้ เราเห็นสัญญาณจากการเป็นนายกฯรักษาการ และเราเห็นกลุ่มกองเชียร์ต่างๆ รวมไปถึงเราเห็นจังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคการเมืองหลายๆพรรค
สังเกตไหมว่าถ้าเป็นพรรคฝ่ายค้านโจมตี"พล.อ.ประยุทธ์"อย่างรุนแรง แต่มาระยะหลังเริ่มมีระยะห่างเริ่มที่จะมอง"พล.อ.ประวิตร"หรือวิพากษ์วิจารณ์แบบทะนุถนอมมากขึ้น เห็นสัญญาณทางการเมืองที่เกิดขึ้นว่า ทุกคนอาจจะเห็นตรงกันว่า"พล.อ.ประยุทธ์"ไปได้แค่นี้แต่ข้างหน้าต้องเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะไม่มีท่านอยู่ ผมขึ้นว่ากองเชียร์"พล.อ.ประยุทธ์"ต้องเข้าใจเงื่อนไขทางการเมืองว่ามันมาสิ้นสุดได้แค่นี้จริง ถึงแม้จะไปได้อีก 2 ปี คือปี 68 แต่จะทำให้รัฐบาลข้างหน้ามีปัญหาพอสมควรที่นายกฯอยู่ไม่ครบวาระอีก
ชมคลิป >>>
ทั้งนี้คุณผู้ชมสามารถติดตามรายการคมชัดลึกได้ทุวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 15.15-16.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22