พระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้รับการเคลื่อนย้ายจากโบสถ์น้อยในอาคารซานตา มาร์ตา สถานที่ประทับของโป๊ปในเช้าวันพุธ และประดิษฐานภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพื่อให้ประชาชนร่วมเคารพพระศพได้เป็นเวลา 3 วันจนถึงวันศุกร์ ขณะมีรายงานว่า ประชาชนมากถึง 20,000 คน รวมตัวที่จตุรัสเซนต์ปีเตอร์เพื่อชมขบวนเคลื่อนพระศพ และเข้าแถวรอเพื่อเข้าไปเคารพพระศพ ที่อยู่ในหีบพระศพแบบเปิดและวางอยู่บนพื้นหน้าแท่นบูชา โดยในวันแรกนี้ประชาชนเริ่มเคารพพระศพได้เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และจะสิ้นสุดในเวลาเที่ยงคืน
ส่วนพิธีศพจะจัดขึ้นที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในวันที่ 26 เมษายน ทางการอิตาลี คาดว่า จะมีแขกผู้มีเกียรติจากต่างชาติราว 150-170 คน และประชาชนอย่างน้อย 250,000 คนเข้าร่วมพิธี ทางการได้เพิ่มแผงกั้นทั้งในและรอบมหาวิหารเพื่อควบคุมฝูงชน และเพิ่มการตรวจตรารักษาความปลอดภัย ตลอดจนมีเจ้าหน้าที่คอยแจกน้ำดื่มบรรจุขวดแก่ประชาชนเนื่องจากสภาพอากาศร้อน
ขณะที่มีรายงานยืนยันว่า ผู้นำจากทั่วโลก รวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ , ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และเจ้าชายวิลเลียม มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ เข้าร่วมพิธีศพโป๊ปฟรานซิส
หลังจากนั้นพระศพจะได้รับการฝังบนดินด้วยพิธีเรียบง่ายที่มหาวิหารเซนต์ แมรี เมเจอร์ ในกรุงโรม โดยโป๊ปฟรานซิสจะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ได้รับการฝังพระศพนอกนครรัฐวาติกัน
โป๊ปฟรานซิสสิ้นพระชนม์ในเช้าวันจันทร์ (21 เมษายน) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา หลังดำรงตำแหน่งพระประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกยาวนาน 12 ปี