svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ประท้วงทั่วสหรัฐฯ ต่อต้านนโยบายทรัมป์-ขับไล่พ้นตำแหน่ง

ชาวอเมริกันรวมตัวประท้วงทั่ว 50 รัฐในสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คุกคามประชาธิปไตยของประเทศ และการใช้อำนาจแบบเผด็จการ

ประชาชนชุมนุมประท้วงทั้งที่ด้านนอกทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน โชว์รูมของเทสลา และศูนย์กลางของเมืองต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ เมื่อวันเสาร์ (19 เมษายน) ภายใต้การนำของขบวนการ 50501 ซึ่งหมายถึง “ 50 การประท้วง, 50 รัฐ 1 ขบวนการ”  โดยมีการชุมนุมเกือบ 700 แห่งทั่วประเทศ และตั้งใจจัดขึ้นในวันครบรอบ 250 ปีของการเริ่มต้นสงครามปฏิวัติอเมริกา

การประท้วงมุ่งต่อต้านนโยบายต่าง ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นการละเมิดสิทธิพลเมืองและรัฐธรรมนูญ เช่น การเนรเทศผู้อพยพ และการตัดรายจ่ายของรัฐบาลและการปลดหรือเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐบาลกว่า 200,000 คน และยุบหน่วยงานบางแห่ง รวมทั้งจับกุมนักศึกษาต่างชาติหลายสิบคน และขู่หยุดให้เงินสนับสนุนมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับโครงการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียมและความครอบคลุม

ผู้ประท้วงชูป้าย “ไม่มีกษัติรย์” เพื่อต่อต้านการใช้อำนาจอย่างเผด็จการของทรัมป์และมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ที่กำกับดูแลสำนักงานประสิทธิภาพรัฐบาล ซึ่งทำหน้าที่ตัดรายจ่ายรัฐบาล นอกจากนี้ผู้ประท้วงยังชูป้ายที่มีข้อความว่า ทรัมป์ออกไปเดี๋ยวนี้  หรือเรียกร้องให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง และบางแห่งผู้ประท้วงชูธงสหรัฐฯ กลับหัว หรือชูป้ายที่มีข้อความว่า “ไม่มีป้ายไหนใหญ่พอระบุเหตุผลทั้งหมดที่มาชุมนุม”

เมื่อช่วงต้นเดือนนี้มีการประท้วงในเกือบ 1,400 แห่ง ใน 50 รัฐ ซึ่งใหญ่กว่าเมื่อวานนี้ โดยการประท้วงใช้ชื่อว่า Hands off เพื่อต่อต้านทรัมป์ และมัสก์

การประท้วงล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ผลสำรวจของแกลลัพเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 45% พอใจการทำงานในช่วง 3 เดือนแรกของทรัมป์ ซึ่งสูงกว่า 41% ในช่วง 3 เดือนแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 60% ของประธานาธิบดีทุกคนที่ได้รับเลือกตั้งช่วงปี 2495-2563

ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์และอิปซอส พบว่า คะแนนนิยมตกลงเป็น 43% จากเดิม 47% ในวันรับตำแหน่ง และมีเพียง 37% พอใจผลงานด้านเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับ 42% ในวันรับตำแหน่ง

ส่วนผลสำรวจของเอ็นบีซีนิวส์ พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของเดโมแครตเกือบ 2 ใน 3 อยากให้สมาชิกรัฐสภาของเดโมแครตยึดมั่นใจจุดยืนเพื่อต่อต้านนโยบายทรัมป์แม้ต้องนำไปสู่ทางตัน ขณะที่ 1 ใน 3 อยากให้ประนีประนอมกับทรัมป์