ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตรียมประกาศมาตรการภาษีศุลกากรระลอกใหม่ในเวลา 16.00 น. ของวันพุธ (2 เมษายน) ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 03.00น. ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย โดยเขาเรียกวันนี้ว่า "วันปลดแอก" (Liberation Day) ขณะที่โลกยังคงคาดเดาไม่ได้จนถึงนาทีสุดท้ายว่า มาตรการจะรุนแรงแค่ไหน และส่งผลกระทบต่อประเทศใดและสินค้าชนิดใดบ้าง
แซนน์ แมนเดอร์ส ประธานบริษัท เฟลกซ์พอร์ต ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการจัดการซัพพลายเชนและโลจิสติกส์ระดับโลกของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ลูกค้าพากันระงับการตัดสินใจใด ๆ เพื่อรอฟังการประกาศของผู้นำสหรัฐฯ เพราะไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการลงทุนอย่างไรและหลายบริษัทพากันสต็อกสินค้าในสหรัฐฯ ล่วงหน้าก่อนแล้ว ซึ่งรวมถึง รถยนต์ และในระยะยาวหลายบริษัทก็จะเลือกบรรเทาผลกระทบจากภาษีศุลกากรด้วยปรับขึ้นราคารถยนต์ในช่วง 4 ปีจากนี้ มากกว่าจะสร้างโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ อย่างที่ทรัมป์คาดหวัง
ขณะที่โฆษทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันอังคารยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศภาษีศุลกากรอัตราใหม่ในวันที่ 2 เมษายน และจะมีผลบังคับใช้ทันที พร้อมทั้งบอกด้วยว่า วันเวลาที่สหรัฐฯ ถูกขูดรีดจะจบสิ้นลง การประกาศครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในทุกด้านของอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ลดการขาดดุลมหาศาล และปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ พร้อมกับย้ำว่า หากธุรกิจต่าง ๆ ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ จ้างแรงงานชาวอเมริกัน ก็จะไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้สื่อรายงานว่า ที่ปรึกษาในทำเนียบขาวได้ร่างแผนการขึ้นภาษีนำเข้าเป็น 20% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ บอกเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ที่จะครอบคลุมทุกประเทศ ไม่ใช่แค่ 10-15 ประเทศ ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของมูดีส์ อนาไลติกส์ คาดการณ์ว่า หากมีการขึ้นภาษีกับสินค้าโดยรวม 20% บวกกับการขึ้นภาษีตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ กับสินค้าสหรัฐฯ อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นจะมีคนตกงาน 5.5 ล้านคน และอัตราการว่างงานสูงขึ้นเป็น 7% และตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ อาจลดลง 1.7%
แต่ทรัมป์ไม่สนใจคำเตือนว่าชาวอเมริกันจะได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้า ที่จะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย และไม่สนใจตลาดหุ้นที่ร่วงแล้วร่วงอีก สูญเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ด้วยความกังวลและความสับสนกับนโยบายสงครามการค้าของเขา
ขณะที่ผู้นำทั่วโลกเตรียมแผนรับมือ โดยสหภาพยุโรปเผยมีแผนพร้อมตอบโต้ อังกฤษบอกว่า กำลังพิจารณาทางเลือกทุกอย่าง ส่วนแคนาดายังคงพยายามเจรจา แต่ยืนยันมีมาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และเม็กซิโก บอกว่า จะไม่ใช้วิธีตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ส่วนเวียดนามเตรียมลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าสหรัฐฯ และอิสราเอลเตรียมยกเลิกภาษีทั้งหมด
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ขาดดุลการค้ามากที่สุดในโลก ข้อมูลปี 2566 พบว่า สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้ามากกว่าการส่งออก 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ และยอดขาดุลการค้าเกินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ติดต่อกัน 4 ปีแล้ว นอกจากนี้ในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับ 92 ประเทศ และเกินดุลการค้ากับ 111 ประเทศ โดยสหรัฐฯ มียอดขาดดุลการค้าสูงสุดกับคู่ค้ารายใหญ่ 3 ประเทศ ได้แก่ จีน เม็กซิโก และเวียดนาม