เมียนมาช่วยผู้รอดชีวิตหลังพ้น 100 ชม. รัฐบาลเมินหยุดยิงกับกบฏ
หน่วยกู้ภัยช่วยชีวิตชายที่ติดใต้ซากโรงแรมกว่า 100 ชม. ในเมียนมา ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตส่อทะลุ 3,000 คน แต่รัฐบาลเมินข้อเสนอหยุดยิงของกบฏในช่วงประสบภัยแผ่นดินไหว
หน่วยดับเพลิงเมียนมาเผยแพร่คลิปขณะเจ้าหน้าที่ดึงชายคนหนึ่งออกจากซากโรงแรมในกรุงเนปิดอว์ในวันพุธ (2 เมษายน) หลังเขาติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานกว่า 100 ชม. และระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในสองคนที่ติดอยู่ใน 2 ชั้นล่างของตึกสูง 6 ชั้น และช่วยขึ้นมาได้ในเวลา 0.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น
หน่วยกู้ภัยทั้งเมียนมาและนานาชาติยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายจากแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางในภูมิภาคสะกาย ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์เมื่อบ่ายวันศุกร์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 2,719 คน และอาจทะลุ 3,000 คน เพราะยังมีผู้สูญหายกว่า 440 คน และโอกาสรอดชีวิตริบหรี่ลงทุกขณะ โดยสงครามกลางเมืองหลังการรัฐประหารในปี 2564 เป็นอุปสรรคสำหรับภารกิจกู้ภัยและบรรเทาทุกข์
กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติที่ก่อตั้งโดยฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร ประกาศการหยุดยิงนาน 2 สัปดาห์เมื่อวันอาทิตย์ (30 มีนาคม) โดยให้เหตุผลว่า ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานและการสู้รบประปรายเป็นอุปสรรคอย่างรุนแรงต่อภารกิจบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ประสบภัย
แต่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร กล่าวระหว่างงานระดมเงินช่วยเหลือแผ่นดินไหวในกรุงเนปิดอว์เมื่อวันอังคาร (1 เมษายน) โดยกล่าวหาว่า กองกำลังที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลอาจจะไม่เคลื่อนไหวต่อสู้ในช่วงนี้ แต่จะฉวยโอกาสรวบรวมกำลังคนและฝึกซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี และกองทัพยังจำเป็นต้องปฏิบัติการป้องกันประเทศต่อไป
ท่าทีของผู้นำเมียนมาบ่งชี้ว่าการสู้รบจะยังดำเนินต่อไป ในขณะที่ประเทศกำลังประสบกับแผ่นดินไหวครั้งหายนะ และสื่อท้องถิ่น รายงานว่า กองทัพยังคงปฏิบัติการโจมตีกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในหลายหมู่บ้านในภูมิภาคสะกาย ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว
ขณะที่โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP) ประกาศเมื่อวันจันทร์ระดมเงินบริจาคจากนานาชาติอย่างเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนภารกิจของ WFP ในขณะที่กำลังจะมีการปรับเปลี่ยนจากการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์สู่การฟื้นฟูในเมียนมาหลังแผ่นดินไหว และ เตือนว่า ประชาชนกว่า 1 ล้านคน ในเมียนมาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านอาหารเพื่อประทังชีวิตจาก WFP ตั้งแต่เดือนนี้ เนื่องจากกำลังขาดแคลนเงินสนับสนุนอย่างมาก พร้อมทั้งระบุว่า การลดความช่วยเหลือมีขึ้นในขณะที่การสู้รบเพิ่มขึ้น, การพลัดถิ่นของผู้ประสบภัย และการจำกัดการเข้าถึงพื้นที่ ทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
