20 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นประจำประเทศไทย รายงานว่า เหตุการณ์ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" พื้นที่ชายแดน "ไทย-เมียนมา" ได้กลายเป็นประเด็นความสนใจระดับโลก
ล่าสุด สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่น ได้พร้อมใจรายงานข่าว การช่วยเหลือเหยื่อ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" จากชายแดนเมียนมา
ซึ่งหนึ่งในนั้นมี "ชาวญี่ปุ่น" ตกเป็นเหยื่ออยู่ด้วย โดยขึ้นพาดหัวข้าวหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ไม่ต่ำกว่า 10 ฉบับ
ขณะเดียวกัน ยังได้มีบทสัมภาษณ์ "เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์" ผ่านรายงานพิเศษ เมื่อ เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวปากีสถาน ได้ถามผู้สื่อข่าวกลับมาว่า "เมื่อไหร่ผมจะได้กลับบ้าน"
คำพูดดังกล่าว ถูกนำไปพาดหัวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น กลายเป็นประโยคกระชากความรู้สึกชาวญี่ปุ่น ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
สอดคล้องกับที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ เชื่อมั่นประเทศไทยที่จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์มติชน เมื่อวานนี้ ตอนหนึ่งว่า กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก
"ขณะที่ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ยิ่งฟังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป โดยรัฐบาลได้มีการตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมันที่จะส่งไปทางเมียนมา และได้รับคำชมจากประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ซึ่งถือว่า เป็นประโยชน์ และรัฐบาลจัดการได้เด็ดขาด และทางจีนก็มีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และช่วยเหลือสนับสนุนในเรื่องนี้ต่ออย่างจริงจังเป็นระบบ และเป็นรูปแบบ"
โดยขณะนี้มีตัวเลขที่เห็นได้ชัดคือ ฝั่งเมียนมาได้ปล่อยตัวเหยื่อที่ถูกบังคับไปทำงานคอลเซนเตอร์ กว่า 300 คน แต่ยังเหลืออีกประมาณ 7,000 คนที่ยังรออยู่ และอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาระหว่างประเทศ
และมีรายงานว่า มีการใช้ไฟฟ้าลดลง 40% ซึ่งถือว่า เป็นความสำเร็จอย่างมาก นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่จะบังคับใช้ ให้บริษัทโทรคมนาคม และธนาคารพาณิชย์ร่วมกันรับผิดชอบแก่ผู้เสียหาย
นอกจากนี้ความเชื่อมั่นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น เช่น การร่วมมือเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาล (G to G) เป็นเรื่องเซนซิทีฟ เราไม่สามารถผิดขั้นตอนอะไรได้ ซึ่งเมื่อตนเองโดนสื่อมวลชนถาม เรื่องต่างประเทศก็ไม่สามารถตอบได้ทันที เนื่องจากมีขั้นตอนอยู่
เพราะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่ว่า จะพูดอะไร หรือสัมภาษณ์ที่ไหน ถือว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ใช่แล้ว ตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศต้องปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่า พูดได้หรือไม่ เซนซิทีฟมากน้อยแค่ไหน