เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนการทุจริตเจ้าหน้าที่ระดับสูง (Corruption investigation Office for High-ranking Officials) หรือ CIO ได้เข้าจับกุมประธานาธิบดียุน ซอกยอล ที่ทำเนียบประธานาธิบดี หรือ บลูเฮาส์ เมื่อเช้านี้ หลังใช้เวลาเจรจา 5 ชั่วโมง 20 นาที อันเป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของการดำเนินการตามหมายจับ เพื่อนำตัวเขาไปสอบสวนกรณีการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ยุนได้อัดคลิปวิดีโอ แถลงว่า เขายินดีให้ความร่วมมือไปให้ปากคำเพื่อป้องกันการนองเลือด
CIO ซึ่งประสานงานกับทีมสืบสวนสอบสวนร่วมของตำรวจ ได้ประกาศว่า หมายจับมีผลบังคับใช้เมื่อเวลา 10.33 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนมีภาพขบวนรถที่เชื่อว่า ใช้ในการนำตัวยุนออกจากทำเนียบประธานาธิบดี ในย่านฮันนัม-ดง ของกรุงโซล ไปที่สำนักงานใหญ่ของ CIO ในย่านกวาชอน
สื่อเกาหลีใต้ "โชซอน อิลโบ" รายงานว่า ปฏิบัติการจับกุมเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 05.10 น. เมื่อทีม CIO กับตำรวจแสดงหมายจับและหมายค้นให้ทีมกฎหมายของยุนที่บ้านพัก ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนการจับกุม
การจับกุมครั้งนี้ ตรงกันข้ามกับครั้งแรก คือเมื่อวันที่ 3 มกราคม ซึ่งหน่วยงานอารักขาความปลอดภัยประธานาธิบดี ไม่ยอมให้ความร่วมมือ แต่ครั้งนี้ไม่มีการแทรกแซง
ด้านสำนักข่าวยอนฮัพ รายงานว่า มีคนเห็นยุนก้าวลงจากรถเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของ CIO เพื่อให้ปากคำ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะขอหมายจับ เพื่อจับกุมเขาอย่างเป็นทางการภายใน 48 ชั่วโมง
ยุน อยู่ระหว่างพักงานภายใต้กระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือ อิมพีชเมนท์ โดยการลงมติของสภาฯ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปีที่แล้ว ซึ่งเขาถูกตั้งข้อหากบฎ และใช้อำนาจโดยมิชอบ จากการส่งทหารไปยังรัฐสภา หลังประกาศกฎอัยการศึก ในคืนวันที่ 3 ธันวาคม อันเป็นความพยายามอย่างสิ้นหวัง ที่จะขจัดปัญหาการเมืองภายใน ที่จะทำให้เขาเผชิญโทษหนัก "จำคุกตลอดชีวิต" หรืออาจถึงขั้น "ประหารชีวิต"
คาดว่ายุนจะถูกควบคุมตัวที่ "ศูนย์กักกันกรุงโซล" (Seoul Detention Center) ในอึยวัง ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ CIO ซึ่งเจ้าหน้าที่ CIO ระบุว่า ไม่ได้พิจารณาถึงการปรากฏตัวของเขาโดยสมัครใจ และเป้าหมายคือดำเนินการตามหมายจับ ซึ่งยอนฮัพ รายงานว่า ทีมสืบสวนใช้บันไดเพื่อเข้าไปในทำเนียบฯ ที่ถูกหน่วยอารักขาความปลอดภัยของประธานาธิบดีปิดกั้น โดยใช้ยานพาหนะกีดขวางใกล้ทางเข้า และยังมีการขัดขวางโดยกลุ่ม ส.ส. บางคนของพรรคพลังประชาชนของยุน แต่สถานการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีการกระทบกระทั่งทางร่างกายแต่อย่างใด