svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

คลังชี้ 'Entertainment Complex' หนุนเศรษฐกิจ

คลังชี้ “เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หนุนจีดีพีแค่ช่วงก่อสร้างเพิ่ม 0.2% ไม่นับรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อก่อสร้างเสร็จ คาดกฎหมายมีผลบังคับใช้ต้นปี 2569

หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 มีความชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลได้เตรียมข้อมูลเบื้องต้นไว้ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายต่อเนื่องและเริ่มก่อสร้างได้ภายในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้ประเมินกรอบเวลาการขับเคลื่อนนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยหลังจาก ครม.เห็นชอบในหลักการและส่งร่างกฎหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจจะใช้เวลา 45 วัน ก่อนที่จะเสนอกลับมาที่ ครม.และเสนอต่อรัฐสภาในเดือน มี.ค.2568 ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 9 เดือน ก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายในไตรมาส 1 ปี 2569 ทั้งนี้ หากเป็นไปตามกรอบเวลาดังกล่าวจะทำให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร  ศึกษาพื้นที่และประกาศเงื่อนไขการลงทุนได้ในปี 2569 หลังจากนั้นจะเปิดประมูลและคาดว่าเริ่มก่อสร้างในปี 2570 ก่อนที่รัฐบาลจะครบวาระ ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้าง 3-4 ปี
 

นายจุลพันธุ์ กล่าวถึงกรณีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นว่าไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า ความเห็น สศช.ที่ส่งมาที่ ครม.ไม่ได้มีประเด็นดังกล่าว โดยถ้าจำไม่ผิดให้ดูผลกระทบ เพราะกฎหมายต้องมาควบคุมกำกับดูแล พร้อมกับเยียวยา รวมถึงผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับการพนันอาจไม่ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง แต่การศึกษาของกระทรวงการคลัง เกิดผลกระทบ 2 ช่วง คือ 1.ช่วงก่อสร้างจีดีพีโตได้กว่าปีละ 0.2% 2.ช่วงเปิดดำเนินการสร้างจีดีพี 0.7% จากกิจกรรมในสถานบันเทิงครบวงจร

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวจะต้องเป็นการลงทุนใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถต่อยอดจากโครงการเดิมได้ เพื่อให้เกิดการลงทุนที่แท้จริง โดยจะเน้นการพัฒนาบนที่ดินของรัฐ และต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาครัฐจะมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทั้งการป้องกันการฟอกเงิน การคุ้มครองผู้เล่นชาวไทยด้วยการเก็บค่าเข้า การจำกัดการเข้าใช้บริการ และระบบ Responsible Gaming ที่จะช่วยป้องกันปัญหาการพนัน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การปรับแก้ร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ตามขั้นตอนที่ ครม.ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะใช้เวลาพอสมควรเพราะกฤษฎีกาต้องปรับร่างกฎหมายหลายมาตราให้สอดคล้องวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลจะส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่และเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งนี้ ต้องให้ความสำคัญในการกำหนดพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนของกิจการตามบัญชีแนบท้ายที่ลงทุนหลายกิจการ เช่น สวนสนุก โรงแรม สนามกีฬา คอนเสิร์ตฮอลล์และสถานที่จัดประชุม สัมมนา 
 

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศได้ และเกิดผลกระทบทางสังคมน้อยกว่ากาสิโน ซึ่งกำหนดเป็นพื้นที่ส่วนน้อยในโครงการ ซึ่งการลงทุนส่วนนี้กฎหมายจะให้สิทธิ์แก้ปัญหาและอุปสรรคการลงทุน ซึ่งปัจจุบันร่างกฎหมายที่เสนอให้ ครม.พิจารณายังไม่ได้ให้น้ำหนักกับประเด็นเหล่านี้ แต่ให้น้ำหนักกับการลงทุนในกาสิโนซึ่งจะผิดวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้นอกจากนี้ ในการแก้ไขร่างกฎหมายนั้น จะให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดกาสิโนอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่เป็นผลกระทบข้างเคียงกับสังคมตามมา

ส่วนในข้อเสนอของหน่วยงานอื่นๆ ที่ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ยังมีข้อเสนอจากกระทรวงมหาดไทยที่ระบุว่าสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กระทบต่อภารกิจของกระทรวงมหาดไทยค่อนข้างมาก จึงอาจพิจารณาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่รักษาการร่วมในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ดังนั้น จึงควรพิจารณาให้มีกระบวนการออกกฎหมายที่มีการขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และคงไว้ซึ่งหน้าที่และอำนาจของเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญาสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจร

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวจะเป็นการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว โดยใช้โมเดลคล้ายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการออกกฎหมายเฉพาะขึ้นมาบริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ทั้งนี้ เมื่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดพื้นที่และเงื่อนไขการลงทุน

สำหรับรูปแบบการลงทุนเบื้องต้นจะเป็นการเปิดประมูล โดยต้องการให้ผู้เข้าประมูลเป็นกิจการค้าร่วม (Consortium) ที่มีทั้งบริษัทไทยและต่างชาติ ซึ่งต้องจดทะเบียนในไทยและมีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท รวมทั้งเป็นการลงทุนใหม่ทั้งโครงการ โดยเสนอแผนการลงทุนที่ประกอบด้วยกิจกรรมสถานบันเทิงครบวงจรร่วมกับกาสิโน และประเมินการลงทุนขั้นต่ำแห่งละ 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร จะเป็นผู้กำหนดพื้นที่รองรับการลงทุน โดยจะมีการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่การลงทุนที่พิจารณาจากหลายประเด็น เช่น 1.พื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเหมาะสม เช่น ด้านคมนาคม 2.พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว 3.พื้นที่ของรัฐที่จะทำให้รัฐได้ค่าเช่าจากการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งขนาดของพื้นที่อาจจะไม่ต่ำกว่า 300 ไร่

“รัฐบาลต้องการให้เกิดการลงทุนใหม่เพราะสร้างการหมุนเวียนในเศรษฐกิจ ซึ่งอาจต้องกำหนดให้องค์ประกอบของสถานบันเทิงครบวงจรต้องเป็นการลงทุนใหม่ โดยกาสิโนจะมีสัดส่วนเพียง 5% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่นเดียวกับโมเดลที่ประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ มาเก๊าและลาสเวกัส” นพ.พรหมินทร์ กล่าว

สำหรับโครงการดังกล่าวจะประกอบด้วยโรงแรมระดับ 4-5 ดาว รวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ห้อง รวมทั้งมีศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติ สนามกีฬาในร่มความจุ 10,000-16,000 ที่นั่ง คอนเสิร์ตฮอลล์มาตรฐานระดับโลก ศูนย์การค้าและร้านค้าปลอดภาษี สวนสนุก พื้นที่จัดแสดงศิลปะและวัฒนธรรม ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ

นพ.พรหมินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก 6 ราย แสดงความสนใจเข้ามาลงทุน โดยผู้ที่จะมาลงทุนต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 10,000 ล้านบาท และต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท พร้อมมีประสบการณ์ในการบริหารสถานบันเทิงครบวงจรระดับนานาชาติ มีแผนธุรกิจที่ครอบคลุม

รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้มีเอกชนต่างชาติที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรีสอร์ตและกาสิโนระดับโลกสนใจลงทุนในไทย 6 ราย ประกอบด้วย 1.Las Vegas Sands 2.กลุ่ม Wynn Resorts 3.กลุ่ม Caesars Entertainment 4.กลุ่ม MGM China Holdings Limited 5. กลุ่ม Hard Rock Café 6.Melco Resorts & Entertainment ผู้ดำเนินการกาสิโนในมาเก๊า

ด้านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โครงการเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หากเกิดขึ้นได้เร็วก็จะดี เพราะอย่างสิงคโปร์ มีการทำโครงการนี้ และมีกาสิโนเพียง 10% ก็ทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้นมาก และระดับเศรษฐกิจ จีดีพีก็เติบโตขึ้นได้อย่างมาก หวังว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เช่นกัน สำหรับคนไทยที่ต้องการเข้าใช้บริการในส่วนกาสิโนจะต้องจ่ายค่าเข้า 5,000 บาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่าประเทศไทย จะมีธุรกิจสีเทา นอกกฎหมายมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากสามารถทำทุกเรื่องให้โปร่งใส ก็จะเป็นเรื่องบวกกับประเทศ และมีภาษีที่ได้มากขึ้นก็ถือเป็นรายได้ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นของประเทศ

ปัญหาเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน ภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้เกิดการหยุดชะงักไปในช่วงเวลาหนึ่ง แม้จะมีการเร่งฟื้นฟูและกระตุ้นการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้มีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากเท่าที่ควร ประกอบกับการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ทางด้านประเทศคู่แข่งอย่าง สิงคโปร์ มาเก๊า และฟิลิปปินส์ ได้พัฒนาการท่องเที่ยวผ่านการเปิด Entertainment Complex ที่รวมถึงคาสิโน ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างรายได้จำนวนมากเข้าสู่ประเทศ
.
ประเทศไทยสูญเสียรายได้จำนวนมากให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีคาสิโนถูกกฎหมาย และคาดว่ามีเงินหมุนเวียนจากการพนันผิดกฎหมายภายในประเทศหลายหมื่นล้านบาทต่อปี โดยที่ไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ

มีการศึกษาวิเคราะห์โมเดลของประเทศที่มี Entertainment Complex ซึ่งประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส เพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า

สิงคโปร์ : มีนักท่องเที่ยวกว่า 15 ล้านคน ในปี 2022 โดยกว่า 4.5 ล้านคน หรือร้อยละ 30 เข้าเยี่ยมชม Entertainment Complex โดยมีรายได้จากภาษีธุรกิจ Entertainment Complex ประมาณ 4.4 แสนล้านบาท ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 300,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่ง 

มาเก๊า : รายได้จาก Entertainment Complex สูงถึง 1.2ล้านล้านบาทต่อปี และมีอัตราการเก็บภาษีคาสิโนในมาเก๊าสูงถึง 35% ของ GGR 

ลาสเวกัส, สหรัฐอเมริกา : ศูนย์กลางคาสิโนที่มีชื่อเสียงระดับโลก และสร้างรายได้สูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี มีการเก็บภาษีคาสิโนในอัตราประมาณ 10% ของ GGR (Gross Gaming Revenue) เป็นแหล่งรายได้สำคัญที่รัฐนำไปใช้ในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ

และยังมีตัวอย่างความสำเร็จากการทำ Entertainment Complex ในประเทศอื่นๆนอกเหนือจากนี้ที่สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่ามหาศาล อาทิ เวียดนาม เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น กรณีศึกษาาดังกล่าว พิสูจน์ให้เห็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน เพราะขนาดตลาอดของ Entertainment Complex มีมูลค่าสูงถึง 54 ล้านล้านบาท ใมปี 2022 

ทั้งนี้ยับพบอีกว่า คนไทยกว่า 3.7 ล้านคนเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเล่นการพนัน จะดีกว่าหรือไม่ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นที่บ้านเรา ทำให้อยู่ในระบบ และสามารถควบคุมได้? 

จากการศึกษาความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้าน Entertainment Complex ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไทย จะเป็นการปลดล็อคเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก ท่ามกลางการเป็นศูนย์กลางความบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่สเตเดียมกีฬาระดับโลก โรงแรมสุดหรูระดับ 6 ดาว การเป็นศูนย์กลางรองรับคอนเสิร์ตของศิลปินดังทั่วโลก รวมถึงพื้นส่งเสริมวัฒนธรรมของประเทศ และสินค้าชุมชมจาก OTOP สวนสนุก สวนน้ำ ไนท์คลับ-ผับบาร์ สถานที่จัดประชุมขนาดใหญ่ ทั้งนี้ยังให้โอกาสนักลงทุนไทยเข้าร่วมลงทุนในโครงการ โดยจะมีระบบประมูลที่เปิดกว้างและเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างทุนไทยและทุนต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการไหลเวียนเงินทุนเข้าสู่ประเทศ

Entertainment Complex ช่วยสร้างอาชีพทั้งในภาคบริการ โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะมีการสร้างงานที่มีรายได้สูงมากกว่า 10,000 ตำแหน่ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี และดูดการลงทุนขั้นต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท รวมถึงสามารถสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวถึง 119,000 - 238,000 ล้านบาท เฉพาะการสร้างรายได้ให้ภาครัฐคาดว่าจตะมูลค่าสูงถึง 39,000 ล้านบาท เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อหัวในหมู่นักท่อเที่ยวเฉลี่ย 66,000 กว่าบาท (จากเดิม 44,000 บาท ต่อคน) 

ซึ่งรายได้จาก Entertainment Complex จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมที่สามารถนำไปใช้พัฒนาโครงการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การพัฒนาสาธารณูปโภค การศึกษา และการดูแลสุขภาพ

ปัจจุบันการพนันผิดกฎหมายเป็นปัญหาที่แพร่หลาย มีการแจ้งความคดีเกี่ยวกับการพนันทุกประเภทเฉลี่ยปีละ 42,000 คดีและมีผู้ต้องหาประมาณ 90,000 คน นอกจากนี้การพนันผิดกฎหมายยังเชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด การก่ออาชญากรรม และการทุจริต การไม่มีระบบควบคุมการพนันที่ชัดเจนและรัดกุมมากพอ ทำให้ผู้ที่ติดพนันและนายทุนเจ้าของธุรกิจสีเทาสามารถฉวยโอกาสจากการไร้ซึ่งข้อกฎหมายเพื่อกระทำการก่ออาชญากรรมได้โดยง่าย สร้างความไม่มั่นคงให้สังคม

Entertainment Complex จะทำให้การพนันอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ โดยเฉพาะในส่วนของคาสิโนซึ่งมีสัดส่วนเพียงไม่ถึง 10% นั้น จะต้องมีการจัดระเบียบอย่างรัดกุมเพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาสังคม การจัดระเบียบด้วยข้อกฎหมายในครั้งนี้ เป็นโอกาสแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน การพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา และเสริมสร้างมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่มีประสิทธิภาพ
โดยมีกฎหมายและมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการเข้าใช้บริการ เช่น กำหนดอายุขั้นต่ำในการเข้าใช้บริการ และใช้ระบบคัดกรองผู้ที่เข้ามาเล่น รวมถึงกำหนดเงินขั้นต่ำในการคัดกรอง รวมถึงจะมีการเก้บค่ทำเนียมค่าเข้าใช้บริการสำหรับบุคคลสัญชาติไทย รายละ 5,000 บาท 

ทั้งนี้ จะมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อนำเข้าสู่ระบบและนำมาพัฒนาประเทศ โดยคิดจาก % รายได้ขั้นต้นจากการเล่นเกม (GGR) โดยจะเก็บ 17-20% ของ GGR 

นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งจากโครงการไปสร้างองค์กรและโครงการเพื่อช่วยเหลือบำบัดผู้ติดการพนัน มีการให้คำปรึกษาและบริการฟื้นฟูผู้ติดการพนันอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยลดปัญหาสังคมที่เกิดจากการพนัน ซึ่งเรื่องนี้ อ้างอิงผลสำเร็จจากประเทศสิงคโปร์ ที่ใช้ภาษี ที่เกิดขึ้นจากโครงการ Entertainment Complex ตั้งกองทุนป้องกันและบรรเทาผลกระทบ ส่งผลเล่นให้การเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย ลดลงจาก 2.1% ในปี 2005 เหลือเพียง 0.2% ในปี 2020 

การจัดตั้ง Entertainment Complex ในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงาน ผ่านการสร้างแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ แต่ยังช่วยควบคุมและจัดการปัญหาการพนันที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการฟอกเงินและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันอย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่จะนำไปพัฒนาโครงการสาธารณประโยชน์และการบำบัดผู้ติดการพนัน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนไทยในอนาคต