หน่วยนิติเวชลอสแองเจลิส เคาน์ตี รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไฟป่า ที่ปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมจนถึงวันที่ 12 มกราคม เพิ่มสูงขึ้นเป็น 24 ราย ซึ่ง 16 ราย เสียชีวิตจากไฟป่าอีตัน และอีก 8 รายเสียชีวิตในไฟป่าพาลิเซดส์ และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีผู้สูญหายอีก 16 คน
ขณะที่ไฟป่า 3 จุดใหญ่ยังคงลุกไหม้ลอบนครลอสแองเจลิส โดยไฟป่าพาลิเซดส์ ซึ่งเป็นจุดใหญ่ที่สุด เผาผลาญพื้นที่มากกว่า 23,000 เอเคอร์ และควบคุมได้เพียง 11% ส่วนไฟป่าอีตัน เผาผลาญพื้นที่กว่า 14,000 เอเคอร์ และควบคุมได้ 27% และไฟป่าเฮิร์สต์ เผาไหม้ 799 เอเคอร์ ควบคุมได้ 89%
นอกจากนี้สภาพอากาศยังไม่เอื้ออำนวยต่อการดับไฟป่า โดยหลังจากกระแสลม “แซนตา แอนา” ที่ลดความรุนแรงลงช่วงวันศุกร์และเสาร์ จะกลับมารุนแรงยิ่งขึ้นตั้งแต่คืนวันอาทิตย์จนถึงวันพุธ โดยความเร็วลมอาจสูงถึง 96 กม./ชม.
ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากถึง 14,000 นาย พร้อมด้วยเครื่องบินดับเพลิง 84 ลำ และรถดับเพลิง 1,354 คัน ปฏิบัติการดับไฟป่าในภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
โรเบิร์ต ลูนา ผู้บริหารท้องถิ่นลอสแองเจลิส เคาน์ตี เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ประสบภัย เพราะบางแห่งอยู่ในสภาพเหมือนสนามรบ เสาไฟฟ้าหักโค่น ไฟยังคุกรุ่น จึงยังไม่ปลอดภัย และคริสติน โครว์ลีย์ หัวหน้าหน่วยดับเพลิงนครลอสแองเจลิส เรียกร้องให้ประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่ไฟป่าพาลิเซดส์อดทน อย่าเพิ่งรีบกลับเข้าบ้านเรือน เพราะคำสั่งและคำเตือนให้อพยพยังคงบังคับใช้อยู่ เนื่องจากในพื้นที่ยังมีความเสี่ยงอย่างที่สุด เพราะไฟยังลุกไหม้ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ และไม่มีก๊าซ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนอยู่ในสภาพไม่ปลอดภัย
แต่คำสั่งอพยพถูกยกเลิกในบางพื้นที่ของไฟป่าจุดอื่นที่ดับได้แล้ว ทำให้ขณะนี้จำนวนประชาชนที่อยู่ภายใต้คำสั่งอพยพลดลงเหลือเพียงราว 105,000 คน และอีก 87,000 คน อยู่ภายใต้คำเตือนให้อพยพ
เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งทีมเจ้าหน้าที่ 53 ชุด ลงพื้นที่ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า โดยหวังสำรวจให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้เจ้าของอาคารบ้านเรือนสามารถเริ่มจัดการเรื่องเงินประกันและการซ่อมแซม พร้อมทั้งยอมรับว่า เมื่อการสำรวจเสร็จสิ้น จะเผชิญงานช้างในการเก็บกวาดเศษซากปรักหักพังและกำจัดขยะมีพิษต่าง ๆ ที่หลงเหลือจากอาคารบ้านเรือนที่ถูกเผาไหม้ โดยคาดว่าอาจใช้เวลา 6-9 เดือน
นอกจากนี้เขาเซ็นคำสั่งระงับข้อบังคับบางอย่างเกี่ยวกับการก่อสร้างภายใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐเพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถซ่อมแซมบ้านเรือนได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังกำหนดควบคุมราคาสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างและสินค้าจำเป็นอื่น ๆ เพื่อป้องกันการโก่งราคาจนถึงปีหน้า