กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ แถลงในวันอาทิตย์ว่า เครื่องบินโดยสารของเจจูแอร์ได้รับแจ้งจากหอควบคุมการจราจรของสนามบินนานาชาติมูอัน ในเมืองมูอัน จังหวัดช็อลลาใต้ ให้ลงจอดได้เมื่อเวลา 8.54 น. ตามเวลาท้องถิ่น และพยายามลงจอดครั้งแรก แต่ต่อมาแจ้งเตือนให้ระวังนกพุ่งชนในเวลา 8.57 น. และนักบินประกาศเมย์เดย์ในเวลา 8.59 น. หรือ 2 นาทีต่อมา ไม่ใช่ 1 นาทีต่อมาตามที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ และนักบินพยายามลงจอดขณะล้อไม่กางในเวลา 9.00 น. แต่เครื่องบินชนรั้วคอนกรีตที่ปลายสุดรันเวย์และไฟลุกท่วมในเวลา 9.03 น. ไม่ใช่ 9.07 น. ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้
กระทรวงระบุด้วยว่า เครื่องบินพยายามลงจอดที่รันเวย์หมายเลข 1 และหอควบคุมการบินแจ้งเตือนนกพุ่งชน และนักบินประกาศเมย์เดย์หลังจากนั้น ต่อมาหอควบคุมการบินอนุญาตให้ลงจอดรันเวย์ในทิศทางตรงกันข้าม หลังจากนั้นนักบินพยายามลงจอดจนกระทั่งไถลเลยรันเวย์และชนกำแพง
กระทรวงเปิดเผยด้วยว่า หัวหน้านักบินมีประสบการณ์ในตำแหน่งนี้ตั้งแต่ปี 2562 และมีชั่วโมงบินมากกว่า 9,800 ชม.
กระทรวงยังปฏิเสธเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า รันเวย์สั้นเกินไปอาจเป็นปัจจัยหนึ่งของอุบัติเหตุ โดยชี้แจงว่า รันเวย์มีความยาว 2,800 เมตร แต่เนื่องจากกำลังมีการก่อสร้าง จึงมีระยะทางจริงเกือบ 2,500 เมตร ส่วนเครื่องบินโบอิง 737-800 ที่ประสบเหตุเป็นรุ่นที่สามารถลงจอดบนรันเวย์ที่ยาว 1,500-1,600 เมตร จึงเป็นเรื่องยากที่ความยาวของรันเวย์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเครื่องบินลำอื่น ๆ ก็สามารถลงจอดโดยไม่มีปัญหา
ขณะที่ข้อมูลของโคเรีย แอร์พอร์ต คอร์ป หรือ เคเอซี รายงานว่า สนามบินมูอันมีรายงานเหตุการณ์นกชนเครื่องบิน 10 ครั้ง ในช่วงปี 2562-เดือนสิงหาคมปีนี้
ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากและชิ้นส่วนเครื่องบิน หลังจากมีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยัน 177 ราย และช่วยชีวิตได้ 2 ราย และยังหาไม่พบอีก 2 ราย
หน่วยดับเพลิง เปิดเผยว่า ส่งรถดับเพลิง 32 คัน และเฮลิคอปเตอร์จำนวนหนึ่งไปดับเพลิงที่ลุกไหม้เครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ รวมเกือบ 1,500 คน ปฏิบัติภารกิจในจุดเกิดเหตุ
ล่าสุดกระทรวงที่ดิน ประกาศปิดรันเวย์ของสนามบินมูอัน จนถึง 5.00 น. ของวันปีใหม่