แซม จาค็อบส์ บรรณาธิการของนิตยสารไทม์ แจ้งในจดหมายถึงผู้อ่านในวันพฤหัสบดีว่า “สำหรับการกลับมาครั้งประวัติศาสตร์ การปรับเปลี่ยนทางการเมืองครั้งหนึ่งในชั่วอายุคน การพลิกโฉมประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการเปลี่ยนแปลงบทบาทของอเมริกาในเวทีโลก โดนัลด์ ทรัมป์ จึงเป็นบุคคลแห่งปีของไทม์ประจำปี 2567”
และทรัมป์ได้ลั่นระฆังเปิดตลาดหุ้นนิวยอร์กสำหรับการได้รับเกียรติดังกล่าวพร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัว
ทรัมป์เคยได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปีของไทม์ครั้งแรกในปี 2559 หลังชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยแรกอย่างไม่คาดคิด ขณะที่ในปีนี้ทรัมป์สามารถหวนคืนสู่ทำเนียบขาวอย่างยิ่งใหญ่ ที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงการเมืองยุคใหม่ของสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง
ประเพณีของไทม์ ที่เริ่มขึ้นในปี 2470 จะประกาศรายชื่อบุคคลแห่งปี เพื่อยกย่องบุคคลหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งในแง่ดีหรือร้าย ที่มีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกมากที่สุดในปีนี้
สำหรับบุคคลที่เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย สำหรับการคัดเลือกในปีนี้ มีทั้ง รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส, แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์, และอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา ที่ปัจจุบันเป็นคนสนิทของทรัมป์ และเตรียมรับหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลให้กับทรัมป์
ไทม์สรุปเหตุผลที่ทรัมป์เข้ารอบสุดท้ายว่า เขาสามารถชนะเลือกตั้งและกลับคืนสู่เวทีการเมืองอย่างน่าทึ่ง เขาสามารถกระตุ้นให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชายหนุ่มออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งทำให้เขาได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด โดยชนะคะแนนป็อปปูลาร์โหวตครั้งแรก และยังชนะเลือกตั้งในรัฐสวิงสเตททั้งหมดด้วย
นอกจากนี้ไทม์ระบุว่า ชัยชนะของทรัมป์สร้างประวัติศาสตร์มากมาย โดยเขาจะเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และเนื่องจากเขาถูกคณะลูกขุนรัฐนิวยอร์กตัดสินว่ากระทำผิดคดีฉ้อโกง 34 กระทงในปีนี้ ทำให้เขาเป็นผู้กระทำผิดคดีอาญาร้ายแรงคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
ส่วนบุคคลที่เคยได้ขึ้นปกของไทม์ในฐานะบุคคลแห่งปีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีทั้งเกรตา ธันเบิร์ก นักเคลื่อนไหวต่อสู้โลกร้อนชาวสวีเดน, อดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา, สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส, ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน