12 ธันวาคม 2567 ความคืบหน้าคดีรัวยิง "สจ.โต้ง" นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ภายในบ้านของ "โกทร" นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ซึ่ง สจ.โต้ง เป็นลูกบุญธรรมของนายสุนทร หลังเกิดเหตุ ตำรวจควบคุมตัว "โกทร" พร้อมผู้ก่อเหตุรวม 7 คน ไปสอบสวน เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ได้แจ้งข้อหาโกทรพร้อมพวกรวม 7 คน ฐาน "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ "ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต"
ล่าสุด มีรายงานว่า สำหรับพฤติการณ์เกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.30 น. สจ.โต้ง เดินทางมาถึงบ้านโกทร จากนั้น โกทร เดินออกมาหน้าประตูบ้าน โดยมี รองนายก อบจ.ท่านหนึ่ง อยู่ที่หน้าประตูบ้านด้วย จากนั้นเกิดการโต้เถียงกัน ตามคลิปที่ปรากฎประมาณ 20 นาทีกว่าๆ
หลังจากนั้นโกทร ก็ร้องไห้ ปาดน้ำตา แล้วเดินเข้าบ้านเพื่อขึ้นไปห้องนอน โดย สจ.โต้ง เดินเข้าไปส่งที่ห้องนอน ตามปกติทุกครั้งที่มาหา และได้คุยกับโกทร ในห้องนอนประมาณ 20 นาที หลังจากคุยเสร็จ สจ.โต้ง เดินออกจากห้องนอน เพื่อจะเดินทางกลับ
ระหว่างเดินลงบันได สจ.โต้ง หันไปเห็นลูกน้องโกทร จำนวน 4 คน หลบอยู่ในห้องใกล้กับห้องนอนโกทร เป็นลักษณะอยู่ห้องมุมซ้ายขวาของห้องนอน คล้ายกับเตรียมการบางอย่าง เพราะมีการถืออาวุธปืน เมื่อ สจ.โต้ง เห็นจึงตัดสินใจวิ่งหนี แต่ไม่ทัน เพราะถูกลูกน้องโกทร ใช้อาวุธปืน ยิงไปที่ด้านข้าง จนล้มลง หลังจากนั้น ก็ถูกกระหน่ำยิงด้วยอาวุธปืน ในเบื้องต้น 2 กระบอก คือ 9 มม. และ ปืนลูกซอง จนตกบันไดมาชั้น 1
ทั้งนี้จากการสอบปากคำพบว่า นอกจากที่ถืออาวุธปืน 4 คนด้านบนชั้น 2 แล้ว ยังมีลูกน้องโกทรอีก 2 คน ที่ยืนอยู่ชั้นล่าง ลักษณะคุมเชิง แต่ไม่ได้ถืออาวุธปืนด้วย เมื่อลูกน้องของ สจ.โต้งได้ยินเสียงปืน จึงได้ยิงสวนเข้าไปในบ้าน ทำให้เกิดการยิงปะทะกัน ตามร่องรอยวิถีกระสุน ทั้งเข้าและออก ที่ตรวจสอบพบ
โดยแนวทางการสืบสวนเชื่อว่า โกทร น่าจะมีส่วนรู้เห็นให้กระทำการดังกล่าว เนื่องจาก สจ.โต้ง เป็นถึงลูกบุญธรรม หากไม่มีไฟเขียวให้กระทำการ ลูกน้องก็คงจะไม่กล้าลงมือ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านพัก ปรากฎว่า ไม่มีการบันทึกภาพขณะเกิดเหตุด้วย ส่วนบาดแผลร่องรอยกระสุนที่เข้าถูกลำตัวของ สจ.โต้ง พบว่า มีหลายขนาด แต่ขณะนี้สามารถตรวจยึดกระบอกที่ยิงได้เพียง 2 กระบอกเท่านั้น ส่วนอีก 2กระบอกที่พบลักษณะกระสุน ยังไม่พบอาวุธปืนดังกล่าว
ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ ชุดคลี่คลายคดี มีการประชุมความคืบหน้าทางคดี มี พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นประธานในการประชุม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดย พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.จว.ปราจีนบุรี ในฐานะโฆษกคดี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย พยานในเหตุการณ์ 3 ราย และพยานแวดล้อม 4 ราย รวบรวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น
สามารถไล่เรียงไทม์ไลน์เบื้องต้นได้ว่า
เมื่อวานนี้ ช่วงเวลา 19.30 น. สจ.โต้ง ได้เดินทางไปที่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อเข้าพูดคุยกับ โกทร โดยครั้งแรกได้เข้าไปพูดคุยกันไม่นาน แล้วกลับออกมา ครั้งที่ 2 ไปพูดคุยกันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้น โดยนายกอล์ฟ และนายตูน ลูกน้องของ โกทร ได้มีปากเสียงกับ สจ.โต้ง อย่างรุนแรง จนใช้อาวุธปืน 2 ขนาด คือ ขนาด 9 มม. และปืนลูกซอง ยิง สจ.โต้ง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
เวลาประมาณ 20.20 น. ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ จึงได้เข้าไปปิดล้อมที่เกิดเหตุทันที โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 5-10 นาที เมื่อไปยังพบว่า มีการยิงปะทะกันระหว่าง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่อยู่ในบ้าน และฝ่ายของลูกน้อง สจ.โต้ง ที่รออยู่หน้าบ้าน ซึ่งตอนนั้น ตนและ ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี เป็นทีมเจรจา จนสถานการณ์คลี่คลาย
ภายในบ้านขณะนั้น พบชายฉกรรจ์ 6 คน และ โกทร พร้อมกับสมาชิกในครอบครัวบางส่วนอยู่ และพบศพของ สจ.โต้ง อยู่บริเวณบันไดชั้น 1 แต่จากการตรวจสอบพบว่า จุดเริ่มยิง คือบริเวณชั้น 2 แล้ว สจ.โต้ง เสียการทรงตัว จึงตกลงมาเสียชีวิตด้านล่าง
ขณะที่ ตำรวจตั้งประเด็นมูลเหตุไว้ทั้งหมด 3 ประเด็น คือ 1.มีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน 2.ความขัดแย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่มีการพูดคุยกันไม่ลงรอย 3.เป็นเหตุซึ่งหน้าซึ่งมีการขู่ทำร้ายกันในขณะพูดคุย จนมีการใช้อาวุธปืนจริง ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดประเด็นไหนทิ้ง สำหรับผู้ต้องหา 2 คน มีการรับสารภาพแล้วว่า เป็นคนใช้อาวุธปืนยิง โดยอ้างว่า มีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน แต่สาเหตุที่ก่อเหตุมาจากอะไร อยู่ระหว่างการสอบปากคำ
เมื่อถามว่า โกทร อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุด้วยหรือไม่ และเห็นตอนยิงหรือไม่ รอง ผบก.จว.ปราจีนบุรี เชื่อว่า อยู่และเห็นตอนเกิดเหตุ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตำรวจต้องดำเนินคดีด้วย แต่เจ้าตัวจะเห็นตอนลงมือยิงเลยหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
โดยขณะนี้ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับท้้ง 7 คนแล้ว และวันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.) จะนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะกลัวจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้มีอิทธิพล รวมถึงยังตรวจพบอาวุธปืนจำนวนมากด้วย
ขณะที่ชุดสืบสวน อยู่ระหว่างการไปไล่เก็บภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนนี้ได้เก็บเซิร์ฟเวอร์มาแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า สามารถบันทึกภาพไว้ได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนฝ่ายปราบปรามได้ดำเนินการตั้งจุดตรวจสกัดเพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อน โดยจะมีการตรวจค้นอาวุธปืนอย่างเข้มงวด
จากนั้น ภายหลังการประชุม จากเดิมจะมีการแถลงข่าวอีก 1 ครั้ง ถึงความคืบหน้า แต่ยกเลิกการแถลงข่าว เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าทางคดี และหลังจากนี้จะทยอยเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติม
ลูกน้อง โกทร ประสานเสียง ไม่เกี่ยวกับประเด็นการเมือง ย้ำเคลียร์จบแล้ว
มีรายงานว่า และตลอดทั้งวัน ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี มีลูกน้องและคนใกล้ชิดของโกทร ทยอยเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับโกทร ในช่วงเวลาที่เปิดให้เยี่ยมด้วย หนึ่งในนั้นคือ นายพงศกร พงษ์คุณ เลขาของโกทร ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้เข้าเยี่ยมโกทร ว่า ปกติแล้ว สจ.โต้งจะเข้ามาหาโกทรเป็นปกติ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เท่าที่ตนได้พูดคุยกับโกทร โกทรก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุ สจ.โต้ง ได้ไปส่งโกทรเข้านอนที่ห้องชั้น 2 แล้ว จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
ตนก็ไม่กล้าไปถามละลาบละล้วงว่า ได้คุยกับลูกน้องหรือไม่ แค่ถามว่าโกทรเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม โดยโกทรเล่าว่า จังหวะที่เกิดเหตุ โกทรอยู่ในห้องนอนแล้ว ได้ยินเสียงปืน แต่ไม่กล้าออกมาดูเพราะกลัว ไม่รู้ว่าเป็นเสียงปืนจากฝั่งไหน ซึ่งโกทรบอกว่าไม่รู้ว่าลูกน้องมีสาเหตุโกรธเคืองอะไรกับ สจ.โต้ง
แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ยืนยันว่า ได้เคลียร์ใจกันแล้ว สจ.โต้ง ก็ประคองขึ้นห้อง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น โกทรประกาศมาตลอดว่า จะไม่ลงเลือกตั้งแล้ว จะสนับสนุนให้ภรรยาของ สจ.โต้ง ลงแทน ซึ่งไม่มีการแข่งกันอยู่แล้วเพราะเป็นพ่อลูกกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โกทร ก็เสียใจ เพราะมีความผูกพันกันมา ไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสีย ตอนนี้ปราจีนบุรีก็กำลังพัฒนา กำลังจะมีการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องมาเกิดเหตุแบบนี้ และตอนนี้ โกทร มีอาการเครียดนิดหน่อย
ส่วนกรณีคลิปเสียงที่ปรากฎออกมาตามสื่อนั้น ยอมรับว่า ก็เป็นเหตุการณ์ที่มีการโต้เถียงกันจริง แต่เป็นช่วงที่ สจ.โต้ง มาถึงแรกๆ ก็พูดกันแรง อารมณ์เสีย แต่หลังจากนั้นก็คุยจบแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งการพูดรุนแรงตนเองไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยืนยันได้ว่า “มันจบแล้ว โกทรบอกว่า สจ.โต้ง ยังกราบเท้า ขอโทษที่ก้าวร้าว และพาขึ้นห้องนอน”
ด้าน นายไพฑูรย์ เทศยุคุณธร สจ.ประจันตคาม อีกหนึ่งคนใกล้ชิด โกทร ยืนยันว่า ประเด็นเรื่องลงสมัครเคลียร์จบแล้ว โกทร วางมือทางการเมือง น้องสาวก็ขึ้นไม่ได้ หลานก็ไม่เอา โต้งมาขอ โกทรก็ให้ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ส่วนที่ตำรวจตั้งประเด็นไปที่ความขัดแย้งทางการเมือง ยืนยันว่า ไม่จริง ไม่มี เพราะเคลียร์จบไปแล้ว
แต่ยอมรับว่า โกทร กับ สจ.โต้ง มีงอนกันบ้าง ส่วนใหญ่งอนกันเรื่องเล็กๆ บางทีโกทรก็งอน สจ.โต้งเพราะไม่ค่อยมาหา หรือ สจ.โต้ง งอนโกทร เพราะไม่ค่อยได้เจอ
นักข่าวเลยถามว่า การงอนกัน จะนำไปสู่การก่อเหตุได้หรือไม่ นายไพฑูรย์ ตอบว่า เรื่องเท่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ไม่ถึงจะต้องฆ่ากัน
นายไพฑูรย์ ยอมรับว่า ลูกน้องของโกทร มีข่าวมีคดีทำร้ายร่างกายกันอยู่ แจ้งความกันอยู่ แต่คนไหนตนเองไม่ทราบ ส่วนคนที่มีคดีเป็นคนที่ยิงหรือไม่ตก็ไม่ทราบเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่า คนที่เคยถูกทำร้ายทางฝั่งของ สจ.โต้ง ก็อาจจะผูกใจเจ็บ เขาก็ระแวง เพราะทางโกทรก็ปกป้องลูกน้องไม่ได้ เพราะ สจ.โต้ง เป็นลูกรัก
ส่วนประเด็นเรื่องคลิปเสียง ก็เคลียร์กันจบแล้ว เพราะถ้าคนใกล้ชิดจะรู้ว่า สจ.โต้ง จะอารมณ์ร้อนแต่ขึ้นเร็วลงเร็ว โดยยืนยันได้ว่า ไม่มีเรื่องเงิน ไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องแน่นอน ต่างคนต่างทำหน้าที่ พร้อมย้ำว่า รอบนี้ โกทรวางมือจริงๆ
นายไพฑูรย์ ยอมรับด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้สะเทือนถึงบ้านใหญ่ เพราะ “สจ.โต้ง ก็อยู่มากับโกทร 20 กว่าปี ไม่มีป๋า ก็ไม่มีโต้ง” ส่วนหลังจากนี้ ภรรยา สจ.โต้ง จะเปลี่ยนใจหรือไม่ หรือพร้อมที่จะลงสมัครหรือไม่ ก็คงต้องดูก่อน แต่โกทร คงรักษาคำพูดแน่นอน ว่าถ้าจะเปิดทางให้ลงก็จะให้
ญาติ -คนใกล้ชิด ร่วมไว้อาลัย สจ.โต้ง ยอมรับหวาดกลัว เพราะคู่กรณีเป็นคนมีอิทธิพล
ส่วนบรรยากาศที่ วัดมะกอกสีมาราม ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี ภายหลังนำร่างของ สจ.โต้ง มาประกอบพิธีทางศาสนา มีครอบครัว ญาติๆ และคนที่รัก สจ.โต้ง มาร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อร่างมาถึงตัวแทนญาติๆ แบกร่างของ สจ.โต้ง ขึ้นมาบนศาลา โดยมีพี่ชายของ สจ.โต้ง เป็นคนจุดธูป บอกลาน้องชาย ก่อนจะเริ่มพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 16.00 น. ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ขณะเดียวกันก็พบว่า มีพวงหรีดของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ร่วมไว้อาลัยในครั้งนี้ด้วย
น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ จอย ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ภรรยาของ สจ.โต้ง เปิดใจกับสื่อมวลชน ระบุว่า ค่ำวานนี้ ตนกับสามี กำลังขับรถเข้ากรุงเทพเพื่อไปหาลูก ระหว่างนั้นสามีโทรศัพท์พูดคุยโกทรตลอดเวลา แต่ปรากฏว่าพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง พอขับรถถึงองครักษ์ จึงได้ตัดสินใจวนรถกลับมาหาโกทรที่บ้านเพื่อจะคุยกัน แต่ได้แวะส่งตนที่บ้านก่อน ซึ่งปกติแล้วสามีไม่ได้ไปบ้านโกทรนานแล้ว แค่ครั้งนี้อยากวนรถกลับเพื่อเคลียร์ใจให้รู้เรื่อง และพูดคุยกันต่อหน้า พอส่งตนเองเสร็จก็ไปต่อเลยโดยมีลูกน้องไปด้วย แต่ลูกน้องรออยู่หน้าบ้าน ส่วนสามีเข้าไปภายในบ้านคนเดียว เข้าไปตัวเปล่าโดยไม่มีอะไรเลย
จากนั้นพอเข้าไปสักพัก ลูกน้องเล่าว่า ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากภายในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงปืนจึงเป็นข้อสังเกตได้ว่า คนของเราอาจถูกยิง ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งลูกน้องได้ยินเสียงปืนดังออกมาเยอะมาก เรียกว่าเสียงปืนแบบรัวๆ และยิงมาใส่ลูกน้องเราด้านนอกด้วย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเอง ‘รู้สึกเสียใจมากๆ จนอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้เลย’
ขณะเดียวกันสามี ก็เป็นคนระวังตัวมาก เพราะคิดว่าพื้นที่ที่ไปสามารถไว้ใจเชื่อใจได้ แต่ก็ไม่คิดว่าสุดท้ายมันจะเป็นแบบนี้
นักข่าวถามว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นการวางแผนหรือไม่ คุณจอย บอกน่า ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก เรื่องนี้ตนขอให้การกับทางตำรวจก่อน ยังไม่อยากคิดอะไรนอกจากการจัดการงานศพ และเรื่องคดี
และคุณจอย ยอมรับว่า ตอนนี้เป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเหลือแค่ตนกับลูกเท่านั้น และอีกประเด็นที่เป็นห่วงคือ ความเป็นธรรมของคดี เพราะรู้ว่าสามีเป็นคนไม่คิดร้ายกับใครเลย ด้วยบุคลิกเป็นคนที่ปากร้าย แต่ยืนยันว่าไม่เคยคิดร้ายกับใคร อีกอย่างที่กังวลเรื่องความเป็นธรรม เพราะคู่คดีเป็นนักการเมือง อยากให้โอนคดีไปยังสอบสวนกลาง แต่เบื้องต้นก็พอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนฝั่งคู่กรณียังไม่มีการโทรศัพท์หรือติดต่อมาหาฝั่งตนเลย
นักข่าวถามถึงประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า ช่วงเกิดเหตุโกทร อยู่ในห้องและได้ยินเสียงปืนแต่ไม่ออกมาเพราะกลัว ส่วนตัวในฐานะภรรยา สจ.โต้ง เชื่อหรือไม่ คุณจอย บอกว่า โกทร น่าจะรู้ว่า สจ.โต้ง เข้าไปด้วยมือเปล่า แล้วการที่ได้ยินเสียงปืนมันจะเป็นไปได้มั้ย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะสามีตนไม่มีปืนเข้าไป อีกทั้งมองว่าตามสัญชาตญาณ หากได้ยินเสียงปืนต้องออกมาแล้วหรือไม่ ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้
คุณจอย ยังบอกอีกว่า สามีเป็นคนที่ห่วงลูกมาก สามีตั้งใจอยากให้ลูกชายเป็นตำรวจ ทั้ง 3 คน และอยากให้ลูกทำมาหากินอาชีพที่มั่นคงไม่อยากให้ลูกเป็นนักการเมือง
เมื่อถามถึงประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพ่อลูกกันทำไมไม่ปกป้องลูก คุณจอยถามกลับว่า “พี่เลี้ยงหมา กล้าฆ่าหมาตายมั้ยละ? พี่เลี้ยงหมาอยู่ตัวหนึ่งพี่กล้าเอายาเบื่อหมาที่พี่รักให้มันกินไหม พี่ทำได้ไหมนอกจากว่าพี่ไม่รักกันแล้ว?“
คุณจอย ยังบอกถึงประเด็นลงสมัครนายก อบจ. ว่า สามีตั้งใจให้ตนสมัครนายก อบจ. ซึ่งพอรู้ เราก็เตรียมตัวแล้วเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่สามีสนับสนุนตนเพราะสามีเองรักทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ยังลงไม่ได้จึงอยากให้ภรรยาลงแทน
ส่วนเส้นทางการเมืองว่าจะลงสมัครนายก อบจ. ต่อหรือไม่นั้น คุณจอย บอกว่า ตอนนี้คงไม่แล้ว เพราะคนที่อยากให้เป็น อยากให้ทำ ไม่อยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปทำไม แต่ยืนยันว่าจะยังคงลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนต่อไป ขณะเดียวกัน ภรรยา สจ.โต้ง ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า บ้านหลังใหญ่โตขนาดนั้นทำไมไม่มีวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุ
ด้านนายตึ่ง พี่ชายของ สจ.โต้ง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บอกว่า ตอนนี้มันจุกอกไปหมด ก่อนจะบอกว่า “น้องผมมีแต่ให้ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วก็ต้องมาจบชีวิต”
นายตึ่ง เล่าต่อว่า ช่วงหลังมานี้น้องชายไม่ค่อยได้อยู่ที่ปราจีนบุรีแล้ว ส่วนใหญ่ไปอยู่ที่กรุงเทพ ขณะเดียวกันน้องชายของตนส่วนตัวไม่ค่อยอยากยุ่งการเมืองอยู่แล้ว เพราะเริ่มอิ่มตัว ช่วงหลังรู้สึกเบื่อหน่ายการเมือง ซึ่งน้องชายตนไม่ใช่คนกะล่อน การเมืองต้องคนกะล่อนถึงอยู่ได้ และครั้งนี้น้องชายไม่อยากลงสมัคร แต่ให้ภรรยาลงแทน