สื่อรัสเซีย รายงานในวันอาทิตย์ (8 ธันวาคม) โดยอ้างแหล่งข่าวในทำเนียบเครมลินว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย และสมาชิกในครอบครัวเดินทางถึงกรุงมอสโก และรัสเซียให้สถานะผู้ลี้ภัยด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกันกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า อัสซาดลาออกจากตำแหน่ง และเดินทางออกจากซีเรียแล้ว รวมทั้งขอให้มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แต่ไม่ระบุว่า เขาเดินทางไปที่ใด
ล่าสุดโฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงวันนี้ยืนยันว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดสินใจอนุญาติให้อัสซาดและครอบครัวลี้ภัยในรัสเซีย แต่ไม่ได้ระบุว่าเขาอยู่ที่ใด และไม่บอกว่า ปูตินและอัสซาดพบกันครั้งสุดท้ายเมื่อใด นอกจากบอกว่า ยังไม่มีแผนพบกันในอนาคตอันใกล้ และรัสเซียพร้อมเจรจากับคนที่จะมีอำนาจบริหารประเทศในซีเรีย
การลาออกและหนีออกนอกประเทศของอัสซาดถือเป็นการสิ้นสุดการครองอำนาจยาวนานกว่า 24 ปี หลังจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านโค่นอำนาจด้วยปฏิบัติการสายฟ้าแลบที่เริ่มขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน และยึดเมืองสำคัญได้อย่างต่อเนื่องจนเข้ายึดกรุงดามัสกัส เมืองหลวงได้สำเร็จในเช้าวันที่ 8 ธันวาคม
ชัยชนะของกองกำลังกบฏทำให้ชาวซีเรียทั้งในประเทศและทั่วโลกออกมาเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของระบอบเผด็จการภายใต้การนำของตระกูล “อัสซาด” ยาวนานกว่า 53 ปี นับจากสมัยประธานาธิบดีฮาเฟซ อัล-อัสซาด บิดาของนายบาชาร์ อัล-อัสซาด และผู้ที่อพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้านในช่วงสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่า 13 ปี ทยอยเดินทางกลับเข้าซีเรียแล้ว
อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-จูลานี ซึ่งมีชื่อจริงว่า อาห์หมัด อัล-ชารา วัย 52 ปี ผู้นำกลุ่ม ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) หรือ เอชทีเอส (HTS) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ประกาศต่อหน้านักรบขณะร่วมพิธีละหมาดที่มัสยิดในกรุงดามัสกัสเมื่อวันอาทิตย์ว่า ชัยชนะครั้งนี้เป็นของชาวซีเรียทุกคน เป็นบันทึกหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ของประเทส และจุดเปลี่ยนของภูมิภาค และตั้งแต่เช้าวันจันทร์นี้หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล รวมถึงฝ่ายตำรวจและความมั่นคงจะเริ่มทำงานตามปกติ และขอให้ทุกคนที่มีอาวุธกลับเข้ากรมกองของตัวเอง โดยเขาจะไม่อมให้ใครถืออาวุธหรือไล่ยิงตามท้องถนน
ขณะที่รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอัสซาด เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมด่วน ซึ่งคาดว่าอาจจัดขึ้นในวันจันทร์นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย โดยยังไม่อาจทราบแน่ชัดว่า ผลกระทบจากการล่มสลายของระบบอัสซาดทั้งต่อรัสเซียและตะวันออกกลางจะเป็นอย่างไรและมากน้อยแค่ไหน
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะจับตาสถานการณ์ในซีเรียอย่างใก้ชิด และจะประเมินผู้นำกบฏจากการกระทำ ไม่ใช่คำสัญญาปากเปล่า รวมทั้งขอให้กบฏปกป้องชีวิตพลเรือน และบอกด้วยว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนความพยายามที่จะทำให้รัฐบาลอัสซาดรับผิดชอบต่อการละเมิดต่าง ๆ ต่อประชาชนซีเรีย