กองทัพอิสราเอล รายงานว่า เสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังทั่วภาคกลางและภาคเหนือของประเทศ รวมถึงกรุงเทลอาวีฟ หลังการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ในวันอาทิตย์ (24 พฤศจิกายน) ที่มีการยิงจรวดราว 250 ลูก และกองทัพสามารถสกัดได้จำนวนหนึ่งที่พุ่งเป้าทางภาคเหนือ
แต่ต่อมาวิทยุของกองทัพ รายงานว่า มีจรวดยิงจากฝั่งเลบานอน 340 ลูก และหน่วยงานทางการแพทย์ เปิดเผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 11 คน ซึ่งรวมถึงผู้ชายที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง
ขณะที่ฮิซบอลเลาะห์ อ้างว่า การโจมตีพุ่งเป้าฐานทัพเรือในเมืองแอชดอดทางภาคใต้ของอิสราเอลเป็นครั้งแรก และยังโจมตีเป้าหมายทางทหารในเทลอาวีฟ โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและโดรนด้วย
การโจมตีของฮิซบอลเลาะห์มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในพื้นที่ตอนกลางในกรุงเบรุต ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 29 ราย และผู้บาดเจ็บ 66 ราย
รักษาการนายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาติ ของเลบานอน ประณามการโจมตีของอิสราเอลว่าเป็นการส่งสารโดยตรงว่าปฏิเสธความพยายามและการติดต่อเจรจาเพื่อหาทางยุติสงคราม
ขณะที่โจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้เพิ่มแรงกดดันต่อทั้งอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ เพื่อให้สองฝ่ายเห็นชอบกับข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐฯ
แหล่งข่าวบอกว่า การเจรจามีความคืบหน้าเข้าใกล้ข้อตกลงมากกว่าที่ผ่านมา โดยฮิซบอลเลาะห์เผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า กำลังพิจารณาข้อเสนอของสหรัรฐฯ ที่ให้ระงับการต่อสู้นาน 60 วัน ซึ่งทำให้มีความหวังว่าจะนำไปสู่การหยุดยิงอย่างยั่งยืนได้ และโฆษกทำเนียบรัฐบาลอิสราเอล บอกว่า ยังมีบางประเด็นที่ยังต้องพิจารณา
ข้อเสนอจะช่วยปูทางสู่การถอนกำลังนักรบฮิซบอลเลาะห์และทหารอิสราเอลออกจากพื้นที่ภาคใต้ในเลบานอน ตั้งแต่บริเวณตอนล่างของแม่น้ำลิตานีลงมา ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติที่ยุติสงครามระหว่างอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ในปี 2559 และทหารเลบานอนจะลาดตระเวนพื้นที่บริเวณนี้ โดยมีทหารรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเฝ้าประจำการ
อิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ยิงโจมตีข้ามพรมแดนมาตลอดเกือบ 1 ปี เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของฮามาส ที่เผชิญสงครามกับอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และอิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อเลบานอนในวันที่ 23 กันยายนปีนี้ ก่อนส่งทหารบุกภาคพื้นดินในภาคใต้ของเลบานอนในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา การโจมตีของอิสราเอลคร่าชีวิตประชาชน 3,754 รายในเลบานอน นับจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว